หลักการและเหตุผล: ภัยอันตรายต่อเส้นประสาทโพสทีเรียอินเตอรอสเชียสที่เกิดบริเวณส่วนใกล้ของหัวกระดูกปลายแขนท่อนนอกพบได้ทั้งจากอุบัติเหตุและไม่ใช่อุบัติเหตุ แม้ว่ามีข้อมูลอ้างอิงจากคนไทยมาแล้ว แต่วิธีการศึกษายังวัดได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงได้ทำการศึกษาใหม่ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเส้นประสาทโพส-ทีเรียอินเตอรอสเชียสกับส่วนหัวของกระดูกปลายแขนท่อนนอกให้ชัดเจนมากขึ้น
วัตถุประสงค์: เพื่อเป็นข้อมูลที่สำคัญของออร์โธปิดิกส์แพทย์ในการผ่าตัดบริเวณส่วนใกล้หัวของกระดูกปลายแขนท่อนนอก ด้วยวิธีเข้าข้างๆเฉียงทางด้านหลัง
รูปแบบการศึกษา: การวิจัยเชิงพรรณา
สถานที่ทำการศึกษา: ห้องปฎิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
กลุ่มตัวอย่าง: ปลายแขนจากศพดองจำนวน 66 ปลายแขน อายุ ระหว่าง 22-82 ปี (เพศชาย 25 ศพ หญิง 8 ศพ)
การวัดผล: 1.วัดความยาวของเส้นประสาท โพสทีเรียอินเตอรอสเชียส จากผิวข้อกระดูกปลายแขนท่อนนอก มายังขอบล่างของกล้ามเนื้อดึงหงาย 
            2.วัดความยาวของเส้นประสาท โพสทีเรียอินเตอรอสเชียส จากผิวข้อของกระดูกปลายแขนท่อนนอก มายังเส้น ประสาทแขนแรกที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์คาร์ไพอัลนาริส,กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์ดิจิทอรุมคอมูนิส
สรูป: การทำผ่าตัดรักษาบริเวณ 5.35.69 ซม. ที่ส่วนต้นของกระดูกปลายแขนท่อนนอกควรระมัดระวังต่อการเกิดภัยอันตรายต่อเส้นประสาท PIN
ผลการวิจัย: 1. ความยาวของ PIN จากผิวข้อของกระดูกปลายแขนท่อนนอกมายังขอบล่างของกล้ามเนื้อดึงหงายมีความยาวเฉลี่ย5.35+0.86 ซม.
              2. ความยาวของ PIN จากผิวข้อของกระดูกปลายแขนท่อนนอก มายังเส้นประสาทแขนแรกที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อมีความยาวเฉลี่ย 5.69+0.82 ซม.

Background: lnjury to the posterior interosseous nerve (PIN) can be caused by trauma, by non-trauma. Measurement of the PIN the proximal radius in Thai patientshas been documented, but the relationship was unclear.This study has set out to define the relationship of theposterior interossous nerve to the proximal radius clearly.
Objective: To measure the relationship of the PIN to the proximal radius to establish a guide to the posterolateral approach to the proximal radius during orthopedic interventions.
Design: Descriptive study
Setting: The Gross Anatomy Laboratory, Department of Anatomy, Khon Kaen University.
Subjects: forearms on 66 Thai cadavers (25 male and 8 female). Age range at time of decease 22 to 82 years.
Measurement: 1. Distance of the PIN from the radial articular surface to the branches emerging from thesupinator                       
                      2. Distance of the PIN from the radial articular surface to the first branch to the extensor carpi  ulnaris, extensor digitorum communis
results: 1. The mean distance of the PIN from the radial articular surface to the branches emerging from the supinator was 5.35 + 0.86 cm.
            2. The mean distance of the PIN from the radial articular surface to the first branch was 5.69 + 0.82 cm.
Conclusion: These results that interventions 5.35 cm. to 5.69 cm. from radial articular surface to the proximal radius could pose a danger to the integrity of the PIN.