หลักการและวัตถุประสงค์ ผู้สูงอายุมักพบปัญหาช่วยหายใจทางหน้ากากยากเนื่องจากไม่มีฟันและมีแก้มตอบ ทำให้การครอบหน้ากากให้สนิททำได้ยาก มีลมรั่วออกมารอบ ๆ หน้ากากช่วยหายใจ ทำให้ช่วยหายใจไม่ได้ประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจึงได้ประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อใช้ในการช่วยหายใจในผู้ป่วยสูงอายุที่มารับการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั้งตัว การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลต่อการใช้อุปกรณ์แทนที่บริเวณร่องแก้มสำหรับช่วยหายใจในผู้ป่วยสูงอายุที่มารับการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั้งตัว
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการประดิษฐ์ ขั้นตอนการใช้อุปกรณ์แทนที่ร่องแก้ม และขั้นตอนการประเมินผลโดยใช้แบบสอบถามประเมินโดยบุคลากรทางวิสัญญี 6 หัวข้อ ได้แก่ 1. หน้ากากช่วยหายใจครอบใบหน้าได้แนบสนิท 2. สามารถช่วยหายใจได้ดี (ดูจากการเคลื่อนไหวของทรวงอก และเห็นกราฟของระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจสม่ำเสมอ) 3. มีความสะดวกในการใช้งาน 4. สามารถทำความสะอาดได้ง่าย 5. มีความสะดวกในการเก็บรักษา และ 6. ความพึงพอใจโดยรวม โดยให้คะแนนดังนี้ 4 = ดีมาก 3 = ดี 2 = ปานกลาง 1 = ปรับปรุง โดยคิดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามประสิทธิผลอย่างน้อยร้อยละ 90 ได้กลุ่มตัวอย่าง 40 ราย
ผลการศึกษา: ผู้ประเมินให้คะแนนเฉลี่ยในภาพรวมส่วนใหญ่ร้อยละ 80-89 อยู่ในระดับดี 3.2-3.25 คะแนน หัวข้อสะดวกในการเก็บรักษาและทำความสะอาดได้ง่ายให้คะแนนเฉลี่ยส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ90 อยู่ในระดับดีมาก 3.7-3.9 คะแนน หัวข้อที่ได้คะแนนมากที่สุดคือทำความสะอาดได้ง่าย (3.9 คะแนน) ส่วนหัวข้อหน้ากากช่วยหายใจครอบใบหน้าได้แนบสนิทได้คะแนนน้อยที่สุด (3.2 คะแนน)
สรุป: ผลการประเมินประสิทธิผลต่อการใช้อุปกรณ์แทนที่บริเวณร่องแก้มสำหรับช่วยหายใจในผู้ป่วยสูงอายุที่มารับการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั้งตัว พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี หัวข้อสะดวกในการเก็บรักษาและทำความสะอาดได้ง่ายอยู่ในระดับดีมาก สามารถนำอุปกรณ์มาใช้ช่วยหายใจในผู้ป่วยสูงอายุที่มารับการให้ยาระงับความรู้สึก
Background and Objective: Lack of teeth and sunken cheeks could cause bag-mask ventilation difficulty in anesthetized elderly patients because of inadequate air-tight seal. Those are the reason why we invented artificial cheeks to solve the problems. The purposes of this study were to evaluate the effectiveness of using artificial cheeks during bag-mask ventilation.
Methods: The process of investigation were divided into 3 steps. First step was artificial cheeks invention. Second step was the devices application for with patients, and third step was evaluation by using questionnaire from anesthesia personnels who had used artificial cheeks. The respondents were asked to evaluate all 6 aspects; 1) good sealness 2) easy to ventilate 3) convenience to use 4) easy cleanness 5) easy storage and 6) overall satisfaction. The evaluated scales included the followings; 4 = excellent, 3 = good, 2 = fair, 1 = poor. The sample size calculation was based on the effectiveness of using artificial cheeks of at least 90 %, so the total sample size was 40.
Results: The overall score of effective assessment (80-90%) evaluated by respondents was 3.2-3.25. The average of highest score of all aspects (>90%) was easy cleanness 3.7-3.9 whereas the average of lowest score was good sealness (3.2).
Conclusion: The effectiveness of using artificial cheeks for bag-mask ventilation in elderly patients were moderate to high. The artificial cheeks can be used to assist bag-mask ventilation in anesthetized elderly patient. . . .
Full text.
|