การสำรวจผลงานวิจัยประเภท Routine to Research (R2R)
และการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยในงานบริการวิสัญญี
สมบูรณ์ เทียนทอง, ชัยชนะ สินเกื้อกูล, พุ่มพวง กิ่งสังวาล, ทิพยวรรณ มุกนำพร, มณีรัตน์ ธนานันต์
ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 40002
A Survey of Routine to Research (R2R) and Research Utilization in Anesthesia Service
Somboon Thienthong, Chaichana Sinkuakool, Pumpuang Kingsangwal, Tippawan Muknumporn, Maneerat Thananun
Department of Anesthesiology, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, Khon Kaen 40002, Thailand
หลักการและเหตุผล: การนำกระบวนการทางการวิจัยมาใช้ศึกษาเกี่ยวกับงานที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ (Routine to Research หรือ R2R) นอกจากจะช่วยสร้างงานวิจัยให้เกิดขึ้นแล้ว ยังสามารถนำผลงานวิจัยที่ได้มาช่วยแก้ไขปัญหางานที่ทำอยู่ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาจำนวนผลงานวิจัยของบุคลากรภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เข้าข่ายเป็นผลงานวิจัยประเภท R2R และการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย
รูปแบบการศึกษา: เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา
วิธีการศึกษา: โดยการส่งแบบสอบถามไปยังหัวหน้าโครงการวิจัย ที่มีผลงานตีพิมพ์ระหว่างปีงบประมาณ 2545-2548 ทุกเรื่อง ยกเว้นการรายงานผู้ป่วย ข้อมูลที่ต้องการศึกษาประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐานของผู้ทำวิจัย จำนวนผลงานวิจัยที่ได้รับทุน จำนวนผลงานวิจัยที่เข้าข่ายเป็นงานวิจัยประเภท R2R และการนำผลงานวิจัยที่เข้าข่ายเป็นผลงานวิจัยประเภท R2R ไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ข้อมูลที่ศึกษาทั้งหมดเป็นข้อมูลแจงนับ นำเสนอในรูปของร้อยละ
ผลการศึกษา: แบบสอบถามที่ส่งไปให้หัวหน้าโครงการวิจัยที่ตีพิมพ์ในช่วงที่ทำการศึกษาทั้งหมด จำนวน 40 เรื่อง ได้รับคืนมาทั้งหมด พบว่า หัวหน้าโครงการวิจัยเป็นวิสัญญีแพทย์ 22 เรื่อง (ร้อยละ 55) และวิสัญญีพยาบาล 18 เรื่อง (ร้อยละ 45) โดยได้รับทุนอุดหนุน 18 เรื่อง (ร้อยละ 45) และเป็นผลงานวิจัยที่เข้าข่ายเป็นผลงานวิจัยประเภท R2R จำนวน 36 เรื่อง (ร้อยละ 90) ซึ่งมีการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยแล้วในปัจจุบันจำนวน 12 เรื่อง ส่วนที่เหลือพบว่า มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับผู้ป่วย ถ้าได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 6 เรื่อง มีศักยภาพน้อยที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับผู้ป่วยจำนวน 10 เรื่อง และอีก 8 เรื่องไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากยาหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาไม่มีใช้หรือเลิกใช้ไปแล้วในปัจจุบัน
สรุป: ผลงานวิจัยของบุคลากรภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหว่างปีงบประมาณ 2545-2548 พบว่า เข้าข่ายเป็นผลงานวิจัยประเภท R2R ถึง ร้อยละ 90 แต่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้จริงในปัจจุบัน เพียงร้อยละ 33.3 (หรือร้อยละ 30 ของผลงานวิจัยทั้งหมด) ส่วนที่เหลือมีเพียง ร้อยละ 16.7 (หรือ ร้อยละ 15 ของผลงานวิจัยทั้งหมด) เท่านั้น ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับผู้ป่วย ถ้าได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม
Introduction: Doing research about routine patient care, so-called Routine to Research or R2R, can increase both the quantity of articles and quality of care.
Objective: To determine the number of R2R-related articles by anesthesia providers at the Department of Anesthesiology, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, and their utilization.
Study Desizes : descriptive study
Methods: Questionnaires to the corresponding authors of papers published between 2002 and 2005. We excluded case reports from the study and focused on basic data of researchers, number of articles that received funding, the number of R2R-related articles and their utilization. The data were analyzed and presented using descriptive statistics.
Results: All 40 questionnaires were returned, representing 22 anesthesiologists articles (55%) and 18 nurse anesthetists articles (45%). Eighteen articles (45%) received funding. Thirty-six articles (90%) were classified as R2R-related articles: 12% have already been applied to routine patient care; 6 had potential for application provided they received suitable encouragement; 10% had less potential for application; and, 8% were non-applicable because of an unavailability of medications or equipment.
Conclusion: Based on articles published by anesthesia providers at the Department of Anesthesiology, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, between 2002 and 2005, R2R-realated articles comprised 90%, but only one-third have been applied to routine patient care while another 16.7% (or 15% of all articles) have potential for applications were they to receive suitable encouragement.
. . .
Full text.
|