ส่วนเด็กกลุ่มที่ได้รับการเตรียมตามปกติ เมื่อทราบว่าตนจะเข้ารับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดยไม่ทราบมาก่อนว่าจะต้องเผชิญกับภาวะเครียดใดบ้าง ไม่เข้าใจประสบการณ์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ รวมทั้งไม่มีต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่เหมาะสม จึงทำให้เด็กกลุ่มที่ได้รับการเตรียมตามปกติ ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเอง เด็กมีความกลัวมากกว่ากลุ่มที่ได้รับการเตรียมจิตใจด้วยการเล่านิทาน เพราะโดยธรรมชาติของเด็กวัยนี้จะมีความคิดฝัน คิดในสิ่งมหัศจรรย์ เด็กจะรู้สึกกลัวต่อการรักษาพยาบาลทั้งที่ได้ต้องได้รับจริงและจากความคิดจินตนาการตนเองทำให้เด็กวัยนี้เกิดความกลัวมากขึ้น นอกจากนี้ความคิดที่มักยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง เชื่อว่าทุกอย่างมีชีวิตมีความรู้สึกแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีชีวิต25 และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้เป็นสิ่งมีชีวิต โดยยังไม่เข้าใจว่าเครื่องมือทำงานได้จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับของคน26 จึงทำให้กลัวเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่มีเสียงดังและมีการเคลื่อนที่ของเตียงตรวจ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบค่าคะแนนความกลัวต่อการเข้ารับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จึงพบว่ากลุ่มนี้มีความกลัวมากกว่ากลุ่มที่ได้รับการเตรียมจิตใจด้วยการเล่านิทาน
การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจด้วยการเล่านิทานให้กับเด็กวัยก่อนเรียนเพื่อเข้ารับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สามารถช่วยลดความกลัวในการตรวจลงได้ และน่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่อาจนำไปใช้เป็นแนวทางในการเตรียมเด็กก่อนการรักษาพยาบาลอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความกลัวแก่เด็ก เช่น การเจาะเลือด การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เป็นต้น
กิตติกรรมประกาศ
ขอขอบคุณบุคลากรต่อไปนี้
1. คุณสุพร วงศ์ประทุม และคุณสุภัตรา ไกรโสภา ที่ให้คำปรึกษาวิจัยและเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของแบบบันทึกข้อมูลส่วนตัว แบบสังเกตพฤติกรรมความกลัว แบบแผนการเตรียมจิตใจด้วยการเล่านิทานและหนังสือนิทานเรื่องกล้องวิเศษซีทีกับน้องนิด
2. ผศ.พวงทอง อ่อนจำรัส ผศ.ดร.ชลิดา ธนัฐธิรกุล ผศ.ศิตภา วัฒนา และคุณคำหยาด ไพรี ที่กรุณาเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของแบบสังเกตพฤติกรรมความกลัว แบบแผนการเตรียมจิตใจด้วยการเล่านิทานและหนังสือนิทานเรื่องกล้องวิเศษซีทีกับน้องนิด
3. คุณแก้วใจ เทพสุธรรมรัตน์ และผศ.สมพงษ์ พันธุรัตน์ ที่ให้คำปรึกษาด้านสถิติและตรวจสอบความถูกต้องของแบบสังเกตพฤติกรรมความกลัว
4. โอลี่ภาพล้อเลียน ที่ให้คำแนะนำทางศิลปะและช่วยวาดภาพประกอบในหนังสือนิทาน
5. คุณชูศรี คูชัยสิทธ์ และคณะกรรมการพัฒนาวิจัย งานบริการพยาบาล ที่ให้ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แก่ผู้วิจัย
งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากเงินทุนวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เอกสารอ้างอิง
1. เพชรากร หาญพานิชย์. เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์. ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2546.
2. Smith MJ, Goodman JA, Ramsey NL, Paternack SB. Child and family : concepts of nursing practice. New York : McGraw Hill, 1982:256.
3. Foley GV. Fochtmen, Dianne, Mooney KH. Nursing care of the child with cancer. 2nd ed. Philadelphia : W.B. Saunders, 1993:403.
4. Vaughan VC. Developmental pediatrics. In: Behrman RE, Vaughan VC,eds. Nelson textbook of pediatrics 12th ed. Philadelphia : W.B. Saunders, 1983:59.
5. ดารุณี จงอุดมการณ์. การประเมินความเจ็บปวดในผู้ป่วยเด็ก. วารสารสมาคมพยาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2529 ; 2 :29-35.
1. 6. LeBaron S, Zeltzer L. Assessment of acute pain and anxiety in children and adolesents by self reports, observer reports, and behavior checklist. J Consult Clin Psychol 1984 ;52: 729-38.
6. วิชัย วิชชาธรตระกูล. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรังสี. การพยาบาลผู้ป่วยพิเศษทางรังสีวินิจฉัยโรงพยาบาลศรีนครินทร์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2546 : 4-7.
7. Schwartz BH, Albino JE, Tedesco LA. Effects of psychosocial preparation on children hospitalized for dental operations. J Pediatr 1983;102 : 634-8.
8. Manion JO. Preparing children for hospitalization, procedures, or surgery. In: Craft MJ, Denehy JA, eds. Nursing interventions for infants and children. Philadelphia : W.b. Saunders, 1990:75.
9. รังสิมา สีนะพงษ์พิพิธ. ผลการใช้ตัวแบบในนิทานหุ่นมือต่อการลดพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียน. กรุงเทพฯ:วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540.
10. กาญจนา ศิริเจริญวงศ์. นิทานการสร้างสัมพันธภาพระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วยเด็กวัยก่อนเรียน. วารสารสภาการพยาบาล 2542; 14 : 1-7.
12 Boggs KU. Communicating with children. In: Arnold En, Boggs KU,eds. Interpersonal relationships : professional communication skills for nurses. 3rd ed. Philadelphia: W.B. Saunders, 1999: 408-17.
13. Wong DL. Nursing care of infants and children. London : Mosby, 1999: 6.
14. รพีพร ธรรมสาโรรัชต์. ผลการใช้หนังสือภาพการ์ตูนตัวแบบต่อการลดความกลัวและการให้ความร่วมมือในการฉีดยาของเด็กวัยก่อนเรียน. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2542.
15. อัญชลี ชนะกุล. ผลการเตรียมเด็กวัยเรียนด้านจิตใจก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดทอนซิลต่อความกลัวและการให้ความร่วมมือในการรักษา. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2528.
16. โสภิต เจนจิรวัฒนา. ผลการใช้หนังสือการ์ตูนต่อการรับรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาลในเด็กวัยก่อนเรียน. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2537.
17. ศิริกัญญา ฤทธิ์แปลก. ผลการเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการฟังนิทานต่อความเจ็บปวดชนิดเฉียบพลันของผู้ป่วยของเด็กวัยก่อนเรียน. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2529.
18. นฤมล ธีระรังสิกุล. ผลของการเตรียมเด็กวัยเรียนตอนต้นโดยใช้การเล่นต่อความกลัวการฉีดยา. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2532.
19. ดวงรัตน์ คัดทะเล. ผลการเตรียมจิตใจด้วยการเล่าเรื่องต่อการให้ความร่วมมือในการเจาะหลังของเด็กวัยก่อนเรียน. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2532.
20. Delp C, jone J. Communicating information to patients: the use of cartoon illustrations to improve comprehension of instructions. Academic emergency medicine 1996;3:264-70.
21. อลิสา วัชรสินธุ. จิตเวชเด็ก. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2546 : 88.
22. ฉลองรัฐ อินทรีย์. อิทธิพลของความเจ็บป่วยที่มีต่อเด็กและครอบครัว. กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองธรรม, 2522.
23. สุวดี ศรีเลณวัติ. จิตวิทยากับการพยาบาลผู้ป่วยเด็ก. กรุงเทพฯ: ฟิสิกส์เซ็นเตอร์การพิมพ์, 2530: 154.
24. ประคิณ สุวฉายา, รัตนาวดี ชอนตะวัน. หลักการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น. ใน : จิราพร รัชตโภคิน, บรรณาธิการ. การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545 : 36-43.
25. วาโร เพ็งสวัสดิ์. การวิจัยทางการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์นการพิมพ์, 2544 : 69-93.
26. Whaley LF, Wong DL. Nursing care of infant and children. 4th ed. London: Mosby, 1991:599-600