ในการศึกษานี้พบว่าผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเมื่อเข้าตรวจลำไส้ใหญ่ และยังพบอีกว่าข้อมูลที่ผู้ป่วยต้องการทราบได้แก่ การให้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วยจะช่วยให้ลดความวิตกกังวลลงได้ ดังการศึกษาของ Wilson BJ รายงานว่าผู้ป่วยที่ได้รับการอธิบายขั้นตอนในการตรวจก่อนทำการตรวจพิเศษลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีการสวนแป้งจะช่วยลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยได้ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับข้อมูล18
สรุป
ผู้ป่วยก่อนการตรวจส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลอยู่ในระดับปานกลางซึ่งคิดเป็นร้อยละ 69.1 ผู้ป่วยเพศหญิงอายุมากกว่า 45ปี สถานภาพโสด การศึกษาระดับอุดมศึกษาขึ้นไปมีความวิตกกังวลมากกว่า อาชีพที่มีความวิตกกังวลมากที่สุด คือ อาชีพรับราชการหรือรัฐวิสาหกิจ รองลงมา คือ อาชีพธุรกิจส่วนตัว รับจ้าง แม่บ้าน ส่วนอาชีพเกษตรกรรมมีความวิตกกังวลน้อยที่สุด สำหรับผู้ป่วยที่มีระดับรายได้แตกต่างกันพบว่าผู้มีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป มีความวิตกกังวลมากกว่า ผู้ป่วยก่อนการตรวจมีความต้องการข้อมูลด้านการตรวจ คือ ผลการตรวจพิเศษทางรังสีของลำไส้ใหญ่ ผลข้างเคียงของสารทึบรังสีที่อาจเกิดขึ้น และข้อมูลการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้านอยู่ในระดับมาก
กิตติกรรมประกาศ
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณคณาจารย์ เจ้าหน้าที่และบุคคลากร หน่วยรังสีวินิจฉัย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทุกท่านที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการศึกษาครั้งนี้จนลุล่วงไปด้วยดี
เอกสารอ้างอิง
1. Herring MP, OConnor PJ, Dishman RK . The effect of exercise training on anxiety symptoms among patients. Arch Intern Med 2010;170 :321-31.
2. Craske MG, Rauch SL, Ursano R, Prenoveau J, Pine DS, Zinbarg RE. What is an anxiety disorder ? Depress Anxiety 2009; 26: 1066 85.
3. Gryz J, Izdebski P. Patient anxiety before invasive diagnostic examinations: coronarography, arteriography, and colonoscopy. Polish J Radiol 2005 ; 70(2) :31-36.
4. Quirk ME, Letendre AJ, Ciottone RA, Lingley JF. Anxiety in patients undergoing MR imaging. Radiology 1989; 170:463 - 6.
5. ผ่องศรี ศรีมรกต. ความวิตกกังวลในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษา.พยาบาลสาร 2541; 25:59-69.
6. สุรีย์พร มาลา. ความวิตกกังวลและความสามารถในการควบคุมตนเอง ความต้องการข้อมูลและการ ได้รับข้อมูลในผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังได้รับรังสีรักษา. พยาบาลสาร 2535; 25: 14-27.
7. คนึงนิจ พงค์ถาวรกมล, สิริรัตน์ ฉัตรชัยสุดา , พรรณี สมจิตรประเสริฐ. ความเป็นห่วง ความวิตก กังวลและความต้องการข้อมูลในผู้ป่วยที่รับการตรวจหลอดเลือดทางรังสี. พยาบาลสาร 2544; 16:84-97.
8. Yamane, Tayo. Statistics an introductory analysis. New York : Harper, 1973.
9. ธานินทร์ ศิลป์จารุ. การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. กรุงเทพฯ: วี อินเตอร์ พริ้นท์, 2549.
10. Spielberger CD, Gorsuch R, Lushene R. STAI manual. California: Consulting Psychologists Press, 1967.
11. อาริยา สอนบุญ. ผลของดนตรีบำบัดต่อความวิตกกังวลและอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด. [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ ]. ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2545 .
12. Likert R. The human organization. its management and value. New York : Mcgraw hill, 1967.
13. กัลยา วานิชย์บัญชา . สถิติสำหรับงานวิจัย หลักการเลือกใช้เทคนิคทางสถิติในงานวิจัยพร้อมทั้งอธิบายผลลัพธ์ที่ได้ทาง SPSS ภาควิชาสถิติคณะพานิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.
14. Domar AD, Everett L L, Keller MG. Preoperative anxiety : Is it a predictable entity? Anesth Analg 1989; 69: 763-7.
15. สุนีย์ จันทร์มหเสถียร. ความวิตกกังวลก่อนการผ่าตัดในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่. พยาบาลสาร 2549; 33:184-94.
16. Wilson BJ. Patients' responses to barium x-ray studies. Br Med J 1978;1:1324.
17. Lazarus , R.S and S Folkman. Stress adaptation and coping. New York: Springer Publishing Company, 1984.
18. Wilson BJ. Patients emotional response to barium X- ray. J Adv Nurs 1978; 3:37- 46.