3. การบริหารจัดการ คือ
- การแช่อุปกรณ์ติดเชื้อ ไม่รู้เวลามารับคืน ลืม หรือไม่สนใจตามอุปกรณ์กลับคืนห้อง
- การส่งต่ออุปกรณ์ที่ยืมโดยการพูด ทำให้ลืม
- ขาดการบันทึกการยืม เนื่องจากลืม ยุ่ง รีบ ไม่มีมาตรการควบคุม
- ขาดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ผู้รับผิดชอบ คนติดตามอุปกรณ์ มาตรการในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตาม
- ขาดการประชาสัมพันธ์แจ้งข่าว ไม่มีบอร์ดประชาสัมพันธ์
- ห้องผ่าตัดอยู่ไกล บางครั้งอุปกรณ์ไม่ครบ รีบ ทำให้ต้องหยิบยืมห้องอื่น
4. เวลา คือ
- ช่วงเวลาที่งานยุ่ง เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนคนทำงานระหว่างวัน เช่น รับเวร หรือแพทย์เรียน
- ในเวลาราชการมีงานมาก ทำให้เวลาส่ง case จากห้องผ่าตัดหรือห้องพักฟื้นไปตึกผู้ป่วยนอกภาควิชาฯ แล้วรีบร้อน ไม่รู้ ลืม หรือไม่ใส่ใจ ทำให้อุปกรณ์ติดออกไปกับผู้ป่วย
- นอกเวลาราชการมีงานมาก งานยุ่ง ต้องเร่งรีบ เหนื่อยล้า อุปกรณ์ไม่พอใช้ต้องหยิบยืมห้องอื่นก่อน ภาควิชาฯ เก่าล็อคกุญแจ ขึ้นเวรแล้วไปเอากุญแจไม่ทัน มี case บูรณาการปะปน เปลี่ยนคนดมยา/คนตามหาอุปกรณ์กะทันหัน
5. อุปกรณ์ คือ
- จำนวนเพียงพอแต่ชำรุด หรือจำนวนน้อยไม่พอใช้ เลยต้องหยิบยืม แล้วลืมส่งคืน หรือไม่ใส่ใจส่งคืน
- ไม่มีสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าเป็นของห้องผ่าตัดหรือวิสัญญี ถ้ามีใครเก็บได้ ก็ไม่รู้จะส่งคืนที่ไหน
6. งบประมาณ
- ขาดงบประมาณ ไม่มีงบซื้อของรางวัลตอบแทน ในกรณีบุคลากรภายนอกหน่วยงานเก็บอุปกรณ์ได้ แล้วส่งคืนภาควิชาฯ ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการเก็บอุปกรณ์ส่งคืน
สำหรับปัจจัยภายนอกหน่วยงานที่สัมพันธ์กับการสูญหายของอุปกรณ์ ที่ได้จากการสนทนากลุ่มกับบุคลากรภายนอกภาควิชาวิสัญญีวิทยา สรุปได้ดังนี้
1. กับบุคลากรแผนกการพยาบาลห้องผ่าตัด คือ กรณีบุคลากรห้องผ่าตัดไปส่งผู้ป่วยกลับตึกผู้ป่วย โดยไม่มีบุคลากรวิสัญญีไปส่งด้วย จึงไม่ทราบว่าอุปกรณ์ที่หลงติดไปกับผู้ป่วยเป็นของตึกผู้ป่วยหรือของภาควิชาวิสัญญี จึงไม่ได้รอรับกลับคืน หรือทราบแต่ต้องรีบไปรับผู้ป่วยรายต่อไปจึงไม่ได้รอเก็บอุปกรณ์กลับมาคืนให้ และกรณีบุคลากรห้องผ่าตัดไปส่งผู้ป่วยกลับตึกผู้ป่วยโดยบุคลากรวิสัญญีไปส่งด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแพทย์ใช้ทุนหรือแพทย์ประจำบ้านวิสัญญี บางครั้งทราบแต่ไม่กล้าบอกแพทย์ฯ ให้เก็บอุปกรณ์กลับด้วย เนื่องจากเกรงใจและกลัวถูกแพทย์ต่อว่า
2. กับบุคลากรแผนกการพยาบาลหอผู้ป่วยวิกฤติ คือ บุคลากรภาควิชาวิสัญญีวิทยาไม่มีการส่งต่อหรือเขียนบอกว่าเอาอุปกรณ์อะไรมาบ้าง จึงไม่แน่ใจว่าเป็นของใคร และไม่มีใครทวงคืนอุปกรณ์จึงเก็บไว้ใช้ในหน่วยงานของตนเอง
3. กับบุคลากรหน่วยซักฟอก คือ ไม่ทราบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดเป็นของภาควิชาวิสัญญีวิทยา เพราะเขียนอักษรย่อหน่วยงานเป็นภาษาอังกฤษว่า AN อ่านไม่ออกหรือไม่ทราบความหมาย เมื่อพบเห็นอุปกรณ์ติดมากับผ้า จึงเก็บไว้ไม่รู้จะส่งคืนหน่วยงานไหน และไม่มีรางวัลตอบแทนในกรณีเก็บอุปกรณ์ได้แล้วส่งคืนภาควิชาฯ ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการค้นหาเจ้าของและเก็บอุปกรณ์ส่งคืน
ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มย่อยกับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน ผู้วิจัยได้ทำการสรุปและสามารถสร้างแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ภายในหน่วยงานได้ 4 แนวทาง ดังนี้
1. แนวทางการตรวจนับอุปกรณ์ในห้องผ่าตัดให้พร้อมใช้งาน
1.1 กรณีในห้องผ่าตัด มีแพทย์ใช้ทุนหรือแพทย์ประจำบ้านวิสัญญี 1-2 คนทำงานกับวิสัญญีพยาบาล 1 คน (เจ้าของห้องร่วม) ให้แพทย์ฯ เป็นผู้ตรวจสอบ anesthesia machine ให้พร้อมใช้งานและลงชื่อกำกับ ส่วนวิสัญญีพยาบาลเป็นผู้ตรวจนับอุปกรณ์ประกอบของ anesthesia machine และ monitor พร้อมลงชื่อกำกับ
1.2 กรณีในห้องผ่าตัด มีเฉพาะวิสัญญีพยาบาลทำงานร่วมกัน 2 คน (เจ้าของห้องร่วม) ให้วิสัญญีพยาบาลคนที่ 1 ซึ่งรับผิดชอบหลัก เป็นผู้ตรวจสอบ anesthesia machine และตรวจนับอุปกรณ์ประกอบของ anesthesia machine และ monitor ทั้งหมด พร้อมลงชื่อกำกับ
1.3 กรณีในห้องผ่าตัด มีเฉพาะแพทย์ใช้ทุนหรือแพทย์ประจำบ้านวิสัญญี 1 คนหรือวิสัญญีพยาบาล 1 คนทำงานเป็นเจ้าของห้อง จะจัดวิสัญญีพยาบาล 1 คนช่วยทำงานในห้องผ่าตัดทั้ง 2 ห้อง (วิสัญญีพยาบาลเสริม) ให้แพทย์ฯ หรือวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้อง เป็นผู้ตรวจสอบ anesthesia machine ให้พร้อมใช้งานและลงชื่อกำกับ ส่วนวิสัญญีพยาบาลที่ช่วยทำงานในห้องผ่าตัดทั้ง 2 ห้อง เป็นผู้ตรวจนับอุปกรณ์ประกอบของ anesthesia machine และ monitor ทั้ง 2 ห้อง พร้อมลงชื่อกำกับ
1.4 กรณีในห้องผ่าตัด ที่มีวิสัญญีพยาบาล 1 คนทำงานเป็นเจ้าของห้อง หากมีการสับเปลี่ยนเวรเป็นเวรเช้า/บ่าย ให้วิสัญญีพยาบาลเวรเช้า เป็นผู้ตรวจสอบ anesthesia machine และตรวจนับอุปกรณ์ประกอบของ anesthesia machine และ monitor ทั้งหมด พร้อมลงชื่อกำกับ
2. แนวทางการติดตามอุปกรณ์สูญหายในเวลาราชการ
2.1 วิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องไม่พบอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด ให้สอบถามวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องผ่าตัดใกล้เคียงกัน
2.2 ถ้าไม่พบให้สอบถามวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องที่อยู่ก่อนหน้านั้น
2.3 ถ้าไม่พบให้แจ้งหัวหน้าวิสัญญีพยาบาล เพื่อแจ้งวิสัญญีพยาบาลกลุ่มเครื่องมือที่รับผิดชอบเป็นผู้ติดตามต่อไป
3. แนวทางการติดตามอุปกรณ์สูญหาย/ย้ายที่อยู่ นอกเวลาราชการ
3.1 หากอุปกรณ์สูญหายนอกเวลาราชการ และวิสัญญีพยาบาลเวรพยายามติดตามแล้ว แต่ไม่พบ ให้แจ้งวิสัญญีพยาบาลเวรถัดไปให้รับทราบ พร้อมบันทึกลงในสมุดรับเวร วิสัญญีพยาบาลเวรถัดไปเป็นผู้รวบรวบแล้วรายงานหัวหน้าวิสัญญีพยาบาลต่อไป
3.2 ให้วิสัญญีพยาบาลเวรที่ปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ชื่อที่ 1 ตรวจนับ/ดูแลเครื่องมือเพิ่มเติม คือ เครื่อง Defibrillator 2 เครื่องที่ PACU2 และ induction room 16-17 เครื่อง ACT 1 เครื่องที่หน้าห้องผ่าตัด 16-17 และ transferred monitor 2 เครื่องที่ PACU2
4. แนวทางการแช่อุปกรณ์ติดเชื้อ โดยเมื่อแพทย์ใช้ทุนหรือแพทย์ประจำบ้านวิสัญญีหรือวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องยืมอุปกรณ์นำไปใช้กับผู้ป่วยติดเชื้อ แล้วจะนำอุปกรณ์ที่ติดเชื้อไปแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ ให้เขียนใบแช่อุปกรณ์1 แผ่นเสียบใส่กล่องข้าง anesthesia machine อีก 1 แผ่นแปะติดกับถุงห่ออุปกรณ์ที่จะแช่ หากเป็นเชื้อที่ไม่มี spore จะได้รับคืนภายในวันนั้น หากเป็นเชื้อที่มี spore จะได้รับคืนในวันถัดมา โดยเจ้าหน้าที่ supply จะโทรแจ้งแพทย์ฯ หรือวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องให้ไปรับอุปกรณ์คืนพร้อมดึงใบแช่อุปกรณ์ออก แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ supply ไม่ได้โทรแจ้ง ให้แพทย์ฯ หรือวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องรีบติดตามคืนเองทันทีตามรายการใบแช่ ซึ่งในกรณีที่ยังไม่ได้รับอุปกรณ์คืนแต่จำเป็นต้องรีบใช้ ให้ยืมส่วนกลางใช้ก่อน แต่เมื่อได้รับอุปกรณ์ของตนกลับมาแล้ว ให้รีบคืนของส่วนกลางทันที
นอกเหนือจากแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ภายในหน่วยงานทั้ง 4 แนวทางแล้ว ผู้วิจัยยังได้ข้อเสนอในการทำกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานบางอย่างเพิ่มเติม เพื่อช่วยป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ระหว่างหน่วยงาน ดังนี้
กิจกรรมภายในหน่วยงาน
1. จัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์แจ้งอุปกรณ์ที่สูญหายหรือเกินในแต่ละวันไว้ที่หน่วย supply ของภาควิชาวิสัญญีวิทยา
2. ติดสติ๊กเกอร์อุปกรณ์ทุกชิ้น โดยใช้คำว่า วิสัญญี
3. รายงานสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์สูญหายทุก 3 เดือน ในที่ประชุมภาควิชา
กิจกรรมภายนอกหน่วยงาน
1. จัดทำกล่องบรรจุอุปกรณ์และสมุดบันทึกชนิดและจำนวนอุปกรณ์ที่ติดกับผ้าไว้ที่หน่วยซักฟอก ซึ่งบุคลากรหน่วยซักฟอกจะเก็บอุปกรณ์ที่ติดกับผ้าไว้ในกล่องและลงบันทึกในสมุด เมื่อบุคลากรวิสัญญีมารับผ้าใหม่ ก็จะคอยตรวจสอบในกล่องบรรจุ ถ้าพบว่ามีอุปกรณ์อยู่ ก็จะเก็บกลับหน่วยงาน พร้อมแจ้งวิสัญญีพยาบาลเจ้าของห้องมารับอุปกรณ์กลับคืน
2. จัดทำป้ายรูปภาพอุปกรณ์ เพื่อแขวนที่เตียงรับ-ส่งผู้ป่วย เมื่อมีการส่งผู้ป่วยกลับหอผู้ป่วยพร้อมอุปกรณ์
3. มีการประสานงานกับแผนกการพยาบาลห้องผ่าตัด แผนกการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ และหน่วยซักฟอก เป็นระยะ เมื่อมีอุปกรณ์สูญหาย
ซึ่งแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ภายในหน่วยงานทั้ง 4 แนวทาง และการทำกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานเพื่อป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์ระหว่างหน่วยงานที่ได้นี้ ได้มีการนำเสนอในที่ประชุมภาควิชาวิสัญญีวิทยา เพื่อนำไปทดลองปฏิบัติและปรับใช้ในการทำงานจริงต่อไป
วิจารณ์
การใช้เครื่องมือแผนภูมิก้างปลา (fish bone diagram) ทำให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากับสาเหตุทั้งหมดที่เป็นไปได้ที่อาจก่อให้เกิดปัญหานั้น ซึ่งได้มีการกำหนดประโยคปัญหา กำหนดกลุ่มปัจจัยที่จะทำให้เกิดปัญหานั้น ระดมสมองเพื่อหาสาเหตุในแต่ละปัจจัย หาสาเหตุหลักของปัญหา จัดลำดับความสำคัญของสาเหตุ ใช้แนวทางการปรับปรุงที่จำเป็น5 ทำให้บุคลากรในหน่วยงานมีการระดมสมองกัน ร่วมกับการสนทนากลุ่มย่อย (focus group discussion) ร่วมกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องอีก 3 หน่วยงาน ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากการสนทนาประเด็นปัญหากับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลซึ่งเลือกมาจากประชากรเป้าหมายที่เกี่ยวข้องประมาณ 6-10 คน โดยผู้วิจัยดำเนินการและจุดประเด็นในการสนทนา เพื่อชักจูงให้กลุ่มเกิดแนวคิดและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นหรือแนวทางการสนทนาอย่างกว้างขวางละเอียดลึกซึ้ง6 แล้วนำเสนอข้อมูลที่ได้กับบุคลากรกลุ่มเครื่องมือของภาควิชาฯ เพื่อหาข้อสรุปและจัดเป็นแนวทางปฏิบัติ ซึ่งผลที่ได้จากการสนทนากลุ่มย่อยในการศึกษาครั้งนี้ พบว่า ปัจจัยภายในหน่วยงานที่สัมพันธ์กับการสูญหายของอุปกรณ์การแพทย์ของงานบริการวิสัญญี คือ บุคลากร ลักษณะงาน การบริหารจัดการ เวลา อุปกรณ์และงบประมาณ สามารถสร้างแนวทางปฏิบัติได้ 4 แนวทางคือ 1) แนวทางการตรวจนับอุปกรณ์ในห้องผ่าตัดให้พร้อมใช้งาน 2) แนวทางการติดตามอุปกรณ์สูญหายในเวลาราชการ 3) แนวทางการติดตามอุปกรณ์สูญหาย/ย้ายที่อยู่ นอกเวลาราชการ 4) แนวทางการแช่อุปกรณ์ติดเชื้อ ซึ่งคณะผู้วิจัยเสนอว่า หน่วยงานควรนำไปปฏิบัติและมีการประเมินอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการสูญหายของอุปกรณ์ เนื่องจากนโยบายของภาควิชาวิสัญญีวิทยา จะเน้นขอความร่วมมือช่วยกันดูแลรักษาเป็นหลัก ไม่อาจซื้อทดแทนได้ทันทีทันใด เพราะต้องใช้งบประมาณและใช้เวลาในการจัดซื้อค่อนข้างนาน ดังนั้น บุคลากรภายในหน่วยงานจึงควรตระหนักถึงความสำคัญและร่วมมือกันดูแลรักษาอุปกรณ์ ตลอดทั้งพัฒนาแนวทางปฏิบัติและกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยภายนอกหน่วยงานที่สัมพันธ์กับการสูญหายของอุปกรณ์ จากการสนทนากลุ่มย่อยกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน คือ แผนกการพยาบาลห้องผ่าตัด แผนกการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ และหน่วยซักฟอก พบว่า มีปัจจัยที่จำเพาะแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน บางอย่างหน่วยงานวิสัญญีมองข้ามไป เช่น การเขียนอักษรย่อหน่วยงานเป็นภาษาอังกฤษว่า AN ติดอุปกรณ์เป็นภาษาอังกฤษทุกชิ้น เพื่อแจ้งบอกภายในหน่วยงาน แต่เมื่ออุปกรณ์หลงออกไปภายนอก หน่วยงานอื่นๆ ไม่ได้รับทราบความหมายของป้ายตัวย่อ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ใกล้ตัวแต่หน่วยงานได้มองข้ามไป คณะผู้วิจัยจึงเสนอให้เปลี่ยนเป็นใช้คำว่า วิสัญญี แทน ส่วนบางปัจจัยที่แนะนำมา กรณีส่งผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยวิกฤติ ว่าควรมีการส่งต่อและมีใบแจ้งอุปกรณ์ว่าเอาอะไรมาบ้าง ซึ่งในการปฏิบัติงานยังไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากบุคลากรรับเวรบางครั้งอยู่คนเดียวในห้อง การดูแลผู้ป่วยระยะวิกฤติต้องดูแลใกล้ชิด ในการส่งผู้ป่วยไปที่หอผู้ป่วยต่างๆ ผู้ช่วยพยาบาลและพนักงานที่ไปส่งผู้ป่วยพร้อมกับแพทย์ใช้ทุนหรือแพทย์ประจำบ้านวิสัญญี บางครั้งต้องรีบไปรับผู้ป่วยรายต่อไปไม่ได้รอกลับพร้อมอุปกรณ์และไม่กล้าบอกแพทย์ฯ ให้นำอุปกรณ์กลับมาด้วย เนื่องจากเกรงใจและกลัวถูกต่อว่า คณะผู้วิจัยเสนอว่าน่าจะมีการพูดคุย ขอความร่วมมือให้รอเอาอุปกรณ์กลับมาพร้อมเตียงผู้ป่วย ที่สำคัญคือสามารถบอกและเตือนผู้ร่วมงานในทีมได้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือพยาบาลก็ตาม