บทนำ
การสื่อสารนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน1-9 โดยเฉพาะในวงการแพทย์มีบุคลากรทางการแพทย์หลายสาขามาปฏิบัติงานร่วมกัน แต่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยความเข้าใจโดยใช้ศัพท์ทางการแพทย์ ซึ่งบุคคลที่อยู่ในสาขาวิชาชีพอื่นหรือบุคคลทั่วไปที่มาใช้บริการทางการแพทย์ไม่สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกทักษะการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันกับผู้ใช้บริการ2-9 ในการขอรับคำปรึกษาทางการแพทย์ หรือแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการนั้น
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินผลการจัดการเรียนการสอน และสิ่งที่นักศึกษาได้เรียนรู้จากการฝึกทักษะการสื่อสาร สำหรับการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทั้งจากผู้ป่วยจำลอง และผู้ป่วยจริง
รูปแบบการวิจัย
เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ประชากรศึกษา คือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2549 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิธีการประเมินผลโดยแจกกระดาษเปล่าให้นักศึกษาเขียนสรุปสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ และการอภิปรายกลุ่ม
วิธีการ
1. การฝึกที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้ กับผู้ป่วยจำลอง ได้มีการเกริ่นนำโดยอาจารย์หัวหน้าทีม และแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มละ 3-4 คน ต่ออาจารย์ 1 คน ให้บริการผู้ป่วย และสรุปบทเรียน 20 นาที หลังจากนั้นให้เวียนไปอีกห้องจนครบ 5 ราย และกลับมาสรุปที่ห้องเรียน
2. การฝึกที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับผิดชอบ ดำเนินการโดยแบ่งกลุ่มนักศึกษากลุ่มละ 3-4 คน ต่ออาจารย์ 1 คนให้บริการผู้ป่วยจริงและสรุปการเรียนรู้
ผลการวิจัย
1. ด้านนักศึกษา
1.1 การฝึกที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้
นักศึกษาได้ฝึกทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ ฝึกการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ฝึกการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ได้ฝึกประเมินเพื่อน และประเมินความผิดพลาดของตนเอง ได้รับฟังปัญหาและข้อบกพร่องของตนเอง ได้รับฟังการวิจารณ์และเสนอแนะจากเพื่อน อาจารย์ รวมถึงผู้ป่วยทำให้รู้ข้อบกพร่องของตนเอง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ได้ฝึกวิจารณ์เพื่อน ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ในการซักประวัติและการสื่อสารกับผู้ป่วยของเพื่อนๆ (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 สิ่งที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ได้รับจากการฝึกที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้
กลุ่ม 1 |
กลุ่ม 2 |
กลุ่ม 3 |
กลุ่ม 4 |
กลุ่ม 5 |
กลุ่ม 6 |
กลุ่ม 7 |
กลุ่ม 8 |
นักศึกษาจำนวน 17 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์
- รู้ถึงวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม การพูดแนะนำตัว รู้จักคิดหาคำพูดให้ผู้ป่วยเข้าใจ
- ได้ประสบการณ์ในการซักประวัติผู้ป่วยให้ครบ
ไม่วกวน โดยใช้เวลาให้เหมาะสมไม่นานเกินไป
- ได้พูดกับผู้ป่วยจริง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากเนื้อหาในห้องเรียน
- ฝึกบุคลิก น้ำเสียง การวางตัว การพูด การสบตา ความมีไหวพริบในการตั้งคำถามให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่วย การวางท่าทีที่เหมาะสมในการตรวจผู้ป่วยให้ดูน่าเชื่อถือ
2. ฝึกการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อปรับปรุงตนเอง
- ได้รับฟังคำแนะนำจากอาจารย์ และเพื่อนทำให้รู้ถึงข้อบกพร่อง เพื่อปรับปรุงตนเอง
3. ข้อสงสัย
- บางทีเมื่อหยุดพูดไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่อ
- คุณยายมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แนะนำแล้วคุณยายไม่ฟังจะพูดอย่างไรดี
- ถ้าวินิจฉัยไม่ได้ทำอย่างไร
- ยังไม่มีความรู้เรื่องโรคลำดับขั้นตอนยังสับสน
- ผู้ป่วยเล่าประวัติยาว โดยไม่เปิดโอกาสให้ซักถามเพิ่มเติม ควรมีเทคนิคอย่างไร
- การถามเรื่องส่วนตัวของผู้ป่วยมีขอบเขตเพียงไร |
นักศึกษาจำนวน 15 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
- ฝึกซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตั้งคำถามให้ตรงประเด็น เป็นลำดับขั้นตอนครอบคลุม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
- รู้จักสร้างความเป็นกันเอง การใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย ชัดเจน การขออนุญาตก่อนตรวจความสุภาพ นุ่มนวลในการตรวจ
- เรียนรู้การวางตัวที่เหมาะสม ให้เกียรติ เคารพในสิทธิของผู้ป่วย
- ได้นำความรู้ที่เรียนมาใช้ในการตรวจร่างกาย ฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ
- ได้รู้ว่าการเป็นแพทย์ไม่เพียงจะต้องมีความรู้ ยังต้อง มีทักษะในการสื่อสารให้เข้าใจตรงกันรวมทั้งต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
2. ฝึกการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเพื่อการปรับปรุงตนเอง
|
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์
- วิธีการเข้าหาผู้ป่วย การวางตัว บุคลิก ท่าทางของหมอ ทราบขั้นตอน และกระบวนการสื่อสาร การพูดให้ผู้ป่วยเข้าใจ เชื่อถือในตัวแพทย์ การให้เกียรติผู้ป่วย การตรวจต้องขออนุญาตเสมอ
- ฝึกการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเข้าใจตรงกัน
- ฝึกกระบวนการคิด วิเคราะห์ข้อมูลจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย เพื่อวินิจฉัยโรค และให้คำแนะนำ
- ได้ทราบว่าการดูแลผู้ป่วยที่ดี คือ การดูแลทั้งกายและใจ
- ได้รู้ว่าผู้ป่วยมีหลายประเภท หลายอารมณ์ ได้เข้าใจความรู้สึกที่ผู้ป่วยมีต่อแพทย์
- ได้ประเมินความสามารถและทักษะการสื่อสารของตนเองว่าเป็นอย่างไร
- ได้มีโอกาสสังเกตทักษะการสื่อสารของเพื่อน ทำให้มองเห็นข้อดี และข้อเสียชัดเจนมากขึ้น นำมาปรับใช้ได้ |
นักศึกษาจำนวน 18 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
- เริ่มต้นควรแนะนำตัวถามชื่อผู้ป่วยให้ตรงกับ OPD Card ถามชื่อที่อยู่ให้ครบ ใช้คำพูดที่สุภาพไม่ต้องเป็นทางการ สื่อความหมายได้ชัดเจน มีการสบตา การถามถึงครอบครัว บางครั้งมีปัญหาต้องระวังคำพูด ไม่ตื่นเต้น
- รู้จักการทักทาย สร้างความเป็นกันเอง ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย แสดงความเป็นมิตรเห็นอกเห็นใจ การสัมผัสตัวผู้ป่วย การวางท่าทาง และใช้น้ำเสียง ที่เหมาะสม
- เรียนรู้การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม โดยอาศัยประวัติความเกี่ยวข้องระหว่างความเจ็บป่วยกับปัจจัยปัญหาของผู้ป่วย การเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถามข้อสงสัยหรือพูดสิ่งที่อยากบอกแต่แพทย์ไม่ได้ถาม
2. ได้ฝึกประเมินเพื่อนและประเมินความผิดพลาดของตนเอง ได้รับฟังปัญหาและข้อบกพร่องของตนเองรับฟังข้อมูลจากเพื่อน อาจารย์ รวมถึงตัวผู้ป่วยเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ได้ฝึกทักษะ การสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
- เรียนรู้การซักประวัติ ตรวจร่างกาย การเลือกใช้คำถามในการซักประวัติ การให้เกียรติผู้ป่วย ทำอะไรขออนุญาตก่อน การให้ความสนใจผู้ป่วย ฝึกวินิจฉัยโรคให้ถูกต้อง วิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อตอบคำถามไม่ถูก ฝึกการดูผู้ป่วยรอบด้าน การแนะนำผู้ป่วยให้ตรงประเด็น
- ฝึกการสร้างความไว้วางใจ การเอาใจใส่ การใกล้ชิด แสดงความเป็นมิตรกับผู้ป่วย การซักถามโดยใช้คำถามปลายเปิด การถามกลับเพื่อทราบความกลัว ความกังวลของผู้ป่วย
- ฝึกความกล้าที่จะพูดการเรียงลำดับความคิด รู้จักนำความรู้ที่มีมาใช้ รู้จักวางตัวในฐานะแพทย์
- ฝึกมารยาทในการสนทนาที่ดี ต้องสบตา ตั้งใจฟัง ไม่ขัดจังหวะ โต้ตอบในเวลาที่เหมาะสม ต้องวางตัวให้น่าเชื่อถือ ดูมีความรู้ความมั่นใจ
2. ได้ทราบจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
- ได้เรียนรู้กับผู้ป่วยจริง การกล่าวทักทายผู้ป่วย การแนะนำตัว การใช้น้ำเสียง การสร้างบรรยากาศให้อบอุ่น การถามคำถามเกริ่นนำ เพื่อสร้างความคุ้นเคย ต้องมีหน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส
แสดงความเป็นมิตร การวางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นแพทย์ น่าเชื่อถือ แสดงความห่วงใยผู้ป่วยต้องมีการสบตา มีการสรุปข้อมูล สะท้อนความคิด และความรู้สึกที่ผู้ป่วยบอกเรามาเพื่อความเข้าใจตรงกัน
- ฝึกวิธีการและขั้นตอนในการซักประวัติ และตรวจร่างกายผู้ป่วย ที่ครอบคลุมทุกด้านทั้งร่างกาย จิตใจ ครอบครัว สังคมและสภาพแวดล้อม อื่น ๆ รู้จักนำความรู้มาใช้จริงในลักษณะผสมผสาน รู้จักตั้งสติให้ดีก่อนทำอะไร ไม่ตื่นเต้นเกินไป
2. ได้เรียนรู้ข้อบกพร่องต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
- รู้วิธีการทักทาย การพูด การปฏิบัติที่เหมาะสม ได้เรียนรู้วิธีการซักประวัติ การฟัง การเรียบเรียงคำพูดที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจ
- ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมากับผู้ป่วยจริง ฝึกการวางตัวต่อผู้ป่วยให้ดูสุภาพและน่าเชื่อถือ
- เป็นชั่วโมงที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม เสริมทักษะได้มากและเหมาะสมดี ได้เรียนรู้บรรยากาศในการทำงานที่ต้องทำต่อไป มีความมั่นใจในการออกตรวจผู้ป่วย OPD มากขึ้น
2. ฝึกการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม
- ควรคิดถึงภาวะจิตใจของผู้ป่วยด้วยไม่ใช่เพียงแค่โรคที่มาเท่านั้น ถามถึงอาชีพ ความเป็นอยู่ของผู้ป่วยหรือข้อจำกัด เพราะบางครั้งสิ่งเหล่านี้อาจจะมีผลต่อโรค
3. ได้พิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง |
จำนวนนักศึกษา 15 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วย
- ได้เรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์ ความเป็นกันเองทำให้ผู้อื่นไว้ใจ ฝึกสติ สมาธิ ควบคุมอารมณ์ตนเอง คิดก่อนพูด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจในคำพูดมากที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์ทางเทคนิค ผู้ป่วยต้องการความสุภาพ การพูดคุยที่ดี ให้เกียรติ ศิลปะในการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ ได้ฝึกสังเกตปฏิกิริยาของผู้ป่วย ไม่ควรสร้างความกังวลใจให้ผู้ป่วย ฝึกการบริหารเวลา ได้นำความรู้
มาใช้จริง และได้ทบทวนว่าตนเองมีความรู้เพียงพอหรือไม่
2. ได้ฝึกทักษะ ต่าง ๆ โดยได้รับคำแนะนำ วิจารณ์จากเพื่อน ๆ อาจารย์ ผู้ป่วย ทำให้รู้ข้อบกพร่องของตนเอง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ได้ฝึกวิจารณ์เพื่อนได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ในการซักประวัติ และการสื่อสารกับผู้ป่วยของเพื่อน ๆ |
1.2 การฝึกที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม
นักศึกษาได้รับประสบการณ์ฝึกปฏิบัติงานกับผู้ป่วยจริง ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ ฝึกมารยาทในการวางตัวให้เหมาะสม ฝึกการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมทั้งกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ การใช้การแพทย์ทางเลือกร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ได้เรียนรู้ระบบการทำงานของศูนย์สุขภาพชุมชน ผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่ PCU มักเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีอาการไม่รุนแรง หรือผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ การรักษาที่ PCU ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล และมีการติดตามไปดูแลถึงบ้าน เรียนรู้บริการพื้นฐานที่ให้แก่ผู้ป่วย ได้มองเห็นความสำคัญของ PCU ในการดูแลรักษาเบื้องต้นเป็นรูปธรรมมากขึ้น (ตารางที่ 2)
2. ด้านอาจารย์ ความคิดเห็นของอาจารย์ผู้เกี่ยวข้องในการฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์
2.1 การฝึกที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้
ข้อดี นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติ เกิดทักษะ และทัศนคติที่ดีในการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจำลองคนละ 5 ราย ทำให้เกิดทักษะ ซึ่งในรอบแรกอาจตื่นเต้น ประหม่า แต่พอรอบที่ 2 และรอบต่อไป มีความชำนาญมากขึ้น กล้าแสดงออกในการให้ข้อคิดเห็น สำหรับเวลาที่ใช้ 3 ชั่วโมง คิดว่าพอดี
ข้อด้อย (1) ด้านองค์ความรู้ ถ้านักศึกษาไม่มีความรู้ก็ไม่ทราบว่าจะถามอะไร
(2) ผู้สังเกตการณ์ ไม่ทราบว่าจะทำอะไร บางคนสังเกต และกล้าพูด
(3) กริ่งสัญญาณไม่ดี ทำให้การเปลี่ยนกลุ่มขัดข้อง
(4) นักศึกษาที่ฝึกทำกลุ่มท้าย ๆ case ที่ 4-5 จะเบื่อ ถ้านักศึกษาได้ฝึกเป็นแพทย์คนละ 1 ครั้ง ครบทุกคนก็เพียงพอ
(5) นักศึกษาจะมีปัญหาเฉพาะกลุ่มแรก พอกลุ่มอื่น ๆ เคยผ่านภาควิชาทางคลินิกมาแล้วจะคล่องขึ้น
สิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไข
(1) ควรแจ้งนักศึกษาว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคอะไรบ้าง เพื่อนักศึกษาจะได้เตรียมองค์
ความรู้มาก่อน
(2) คนที่ยังไม่มีความมั่นใจ ให้ฝึกอีกครั้งจะได้ไม่เบื่อ
(3) ควรทำคู่มือในการแนะนำว่าจะถามอะไรบ้างแจกเฉพาะนักศึกษากลุ่มแรก ๆ
(4) ควรอัด VDO ให้นักศึกษาดูโดยแจกเฉพาะตัวเพื่อแก้ไขปรับปรุงตนเอง หรือ
(5) อัดเฉพาะเสียงของตนเอง โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อปรับปรุงตนเอง
2.2 การฝึกที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม
ข้อดี นักศึกษาได้นำความรู้และทักษะจากที่ได้ฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจำลองไปใช้กับผู้ป่วยจริง ทำให้นักศึกษามีความตื่นเต้น ดีใจ ที่ได้ทำหน้าที่แพทย์
ข้อด้อย ไม่สามารถจำกัด case ได้ นักศึกษากลุ่มหนึ่งมี 4 คน จะช่วยกันซักถาม ช่วยกันตรวจ ไม่สามารถกำหนดนักศึกษาได้ว่าใครจะเป็นหมอ และใครเป็นผู้สังเกตการณ์ อาจารย์แพทย์มี 2 คน อีก 2 คนไม่ใช่แพทย์
สิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไข
(1) อาจารย์ที่ไม่ใช่แพทย์ก็สามารถพูดคุยกับนักศึกษาได้ ถ้ามีปัญหาค่อยปรึกษาแพทย์
(2) ควรจะมีคู่มือเกี่ยวกับองค์ความรู้เรื่องโรค และยาที่ใช้
(3) ทำคู่มือโรคที่พบบ่อย และทำสำเนาหลาย ๆ ชุด เพื่อให้นักศึกษายืม เช่น เบาหวาน ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง ไอ หวัด ปวดท้อง ปวดแขน ปวดขา การแพทย์ทางเลือก
ตารางที่ 1 (ต่อ) สิ่งที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ได้รับจากการฝึกที่ห้องทักษะการเรียนรู้
กลุ่ม 1 |
กลุ่ม 2 |
กลุ่ม 3 |
กลุ่ม 4 |
กลุ่ม 5 |
กลุ่ม 6 |
กลุ่ม 7 |
กลุ่ม 8 |
- ควรทำอย่างไร มีการรับมืออย่างไรกับผู้ป่วยในสถานการณ์ต่าง ๆ
|
|
|
|
- ได้เห็นข้อควรปฏิบัติที่บางครั้งเรามองข้ามไป เช่น ไม่ถามความวิตกกังวล และความคาดหวังของผู้ป่วย การตรวจร่างกายถึงแม้ปกติก็ต้องบอก เพราะผู้ป่วยมีความกังวลกว่าที่เราคิด
- กล้าที่จะยอมรับว่าไม่รู้ ได้เรียนรู้ว่ายังมีความรู้อีกมากที่เรายังไม่รู้ ดังนั้นจึงควรศึกษาเพิ่มเติมกับผู้ป่วยมากขึ้น |
|
|
- การให้ความเห็น และการแสดงความคิดเห็นแก่เพื่อน ๆ คำแนะนำจากเพื่อน ๆ อาจารย์ และผู้ป่วย ถึงข้อดี ข้อเสีย เห็นปัญหาที่เกิดระหว่างการสื่อสารกับผู้ป่วย เช่น เข้าใจไม่ตรงกัน การเลือกใช้คำให้ผู้ป่วยเข้าใจแทนศัพท์เทคนิคต่าง ๆ
- ได้เห็นข้อผิดพลาดของตนเอง และแนวทางแก้ไข ได้ฝึกทำใจเป็นกลาง โดยมองหาข้อดี ข้อด้อย ของเพื่อนในเวลาเดียวกัน ได้เห็นข้อเสียของเพื่อน และเก็บไว้เตือนใจตนเอง
- ได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากผู้ป่วยมีเจตคติที่ดีต่อแพทย์ มีกำลังใจในการทำงาน |
ตารางที่ 2 สิ่งที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ได้รับจากการฝึกปฏิบัติงานที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม
กลุ่ม 1 |
กลุ่ม 2 (3) |
กลุ่ม 3 (4) |
กลุ่ม 4 (5) |
กลุ่ม 5 (6) |
กลุ่ม 6 (7) |
กลุ่ม 7 (8) |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ได้ประสบการณ์การปฏิบัติงานจริง
- ฝึกการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ผู้ป่วย วัดความดันโลหิต เรียนรู้การวางตัวให้น่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจ (16 ราย)
- ได้ฝึกใช้ทักษะในการสื่อสาร การสร้างมนุษยสัมพันธ์ ฝึกการตอบคำถาม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้ฟังความคิดเห็นของผู้ป่วย คิดถึงใจเขาใจเรา ได้ฝึกมารยาทในการวางตัวให้เหมาะสม (11 ราย)
2. ได้เห็นการมองปัญหาที่เป็นองค์รวมมากขึ้น เช่น ปัญหาในครอบครัว ความเครียด เรื่องหนี้สิน ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะสุขภาพของผู้ป่วย (16 ราย)
- ได้เห็นการปฏิบัติของอาจารย์ไม่ได้มุ่งรักษาแค่โรค แต่ยังสนใจด้านสังคม จิตใจด้วย (3 ราย)
- เรียนรู้การทำงานของ PCU ผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่ PCU มักเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ไม่มีอาการรุนแรง และผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ การรักษาที่ PCU ช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล และมีการติดตามไปดูแลถึงที่บ้านเรียนรู้บริการพื้นฐานที่ให้แก่ผู้ป่วยได้มองเห็นความสำคัญของ PCU ในการ
ดูแลรักษาเบื้องต้นได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น (16 ราย) |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ได้รับประสบการณ์ฝึกปฏิบัติงานจริง
- ฝึกฝนทักษะในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย การสังเกต และฝึกการเขียนประวัติ ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้ป่วย (16 ราย)
- ฝึกทักษะการสื่อสารและสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย (13 ราย)
- ได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจได้เรียนรู้และเข้าใจวิถีชีวิตชุมชน ได้เห็นความแตกต่างของผู้ป่วยที่ศูนย์สุขภาพชุมชนกับโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ (9 ราย)
- การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้ทราบว่าการดูแลผู้ป่วยที่ดี คือการดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ได้เรียนรู้ว่าบางโรคอาจไม่ต้องใช้ยารักษาให้ Psychosocial support ก็เพียงพอ ทราบถึงความต้องการของผู้ป่วยกับการมาตรวจด้วยสิทธิ 30 บาท (9 ราย)
- ได้เรียนรู้บทบาทหน้าที่ของ PCU ได้เห็นการทำงานจริงของแพทย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพชุมชน ได้เห็นปัญหาหลายด้านของศูนย์สุขภาพชุมชน (4 ราย)
- เรียนรู้พฤติกรรมและสภาพความเป็นจริงในสังคมกับการดูแลตนเอง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน แต่ในบ้านซื้อแต่อาหารรับประทาน จึงไม่สามารถกำหนดปริมาณเกลือ และน้ำตาลได้ และไม่ทราบว่าเบาหวาน |
นักศึกษาจำนวน 18 คน
1. ได้ประสบการณ์เป็นแพทย์ฝึกกับผู้ป่วยจริงเป็นครั้งแรก
- ได้ฝึกซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรคที่พบบ่อย การสั่งยาโดยมีอาจารย์ช่วย และฝึกการให้คำแนะนำผู้ป่วย (18 ราย)
- ได้ฝึกทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วย ฝึกพูดและฟังภาษาท้องถิ่น ฝึกบุคลิกภาพในการเป็นแพทย์ ฝึกพูดในเวลาที่ควรพูด (12 ราย)
- ฝึกการรักษาแบบองค์รวม ได้เรียนรู้ความต้องการของผู้ป่วย เข้าใจสภาพจิตใจ ความคิด และความต้องการของผู้ป่วย สิ่งแวดล้อม และคนรอบข้างมีอิทธิพลต่อผู้ป่วย
- ได้ความรู้เบื้องต้นในเรื่องแพทย์แผนไทย สมุนไพร และการแพทย์ทางเลือกอื่น
ได้เรียนรู้การแนะนำด้วยแพทย์แผนไทยร่วมกับแผนปัจจุบัน (6 คน)
- ได้เรียนรู้ระบบการทำงานของศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม ตั้งแต่ตรวจจนถึงรับยากลับบ้าน ผู้ป่วยที่ PCU มักมีอาการไม่รุนแรง มีระบบการบันทึกสุขภาพทั้งครอบครัว ทำให้ทราบภาวะสุขภาพของผู้ป่วย และสมาชิกทุกคน เห็นความสำคัญของ PCU ถ้าผู้ป่วยทุกคนเลือกมา screen ก่อนที่ PCU ก็จะลดจำนวนผู้ป่วยที่เป็นอาการไม่หนักจากโรงพยาบาลได้ (18 ราย) |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ฝึกทักษะการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย (16 คน)
- ได้นำความรู้ที่เรียนมาใช้กับผู้ป่วยจริง ฝึกการซักประวัติ ตรวจร่างกาย การวินิจฉัย การให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย ฝึกบุคลิกภาพ และการวางตัวให้เหมาะสม (16 ราย)
- ได้ทราบความคาดหวังของผู้ป่วยที่มีต่อแพทย์ คือ การเอาใจใส่ดูแล การปฏิบัติต่อผู้ป่วยอย่างเสมอภาคให้เกียรติ และไม่รังเกียจผู้ป่วยที่ยากจน (4 ราย)
- เรียนรู้ปัญหาของผู้ป่วย การให้คำแนะนำและบอกในสิ่งที่ผู้ป่วยอยากรู้จริง ๆ (4 ราย)
- ฝึกการ approach ผู้ป่วยอย่างครอบคลุม สังเกตสิ่งที่ขาดหายไปจากเพื่อน และอาจารย์ ฝึกการทำงานเป็นทีม (4 ราย)
- ฝึกบันทึกข้อมูลลง OPD Card ฝึกเขียนแผนผังครอบครัว เพื่อหาความสัมพันธ์ของโรค/สุขภาพครอบครัว มองเห็นพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสุขภาพ ได้ทราบว่าผู้ป่วยส่วนมากเป็นอย่างไร (4 ราย)
- ได้ปรับปรุงตนเองต่อจาก Skill Lab ที่คณะ
|
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ได้ฝึกทักษะการสื่อสาร การซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรค การพูดแนะนำ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ป่วย (16 คน)
- ได้นำความรู้ที่เรียนมาเกี่ยวกับทักษะการสื่อสารมาใช้ให้เป็นประโยชน์
- ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติ และแนวคิดกับเพื่อนในกลุ่มด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ ทัศนคติ การมองความสำคัญของปัญหา ทำให้เปิดใจกว้างขึ้น
2. ได้เรียนรู้ระบบการทำงานของศูนย์สุขภาพชุมชน (16 คน)
- การทำงานของ PCU เป็นการดูแลทั้งครอบครัวในพื้นที่บริเวณนั้น ทำให้ได้พูดคุยกับผู้ป่วยมากขึ้น มีเวลาในการซักประวัติ ตรวจร่างกายมากกว่ารพ. ทำให้มองเห็นปัญหาด้านต่างๆ ที่นอกเหนือจากสุขภาพแต่ส่งผลกระทบด้านสังคม อารมณ์ จิตใจของผู้ป่วย
- ที่ PCU ให้บริการรวดเร็ว มีความเป็นกันเองระหว่างเจ้าหน้าที่ และผู้ป่วย ทำให้ลดจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เห็นถึงประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
- ได้เห็นข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด ของ PCU |
นักศึกษาจำนวน 16 คน
1. ฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ (16 คน)
- เรียนรู้ทักษะการสื่อสารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยจริง ฝึกซักประวัติ ตรวจร่างกาย การใช้คำพูดให้ผู้ป่วยเข้าใจ (16 ราย)
- ฝึกการคิดวิเคราะห์อาการของผู้ป่วย และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (3 ราย)
- ฝึกการให้คำแนะนำผู้ป่วยให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวัน และสามารถปฏิบัติได้จริง (6 ราย)
2. รู้จักระบบการทำงานของ PCU (16 ราย)
- เรียนรู้ระบบการจัดการ PCU และความสำคัญของ PCU เข้าใจชีวิตการทำงานของแพทย์
- เห็นลักษณะของผู้ป่วยที่มา PCU มีความแตกต่างจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เช่น เป็นโรคธรรมดา อาการไม่หนัก แต่มีความกังวลใจจึงมาตรวจ ผู้ป่วยมีความเป็นกันเองกับแพทย์ ปริมาณผู้ป่วยที่มารับบริการมีน้อย แพทย์มีเวลามากขึ้น ดูแลผู้ป่วยได้ครอบคลุม
3. การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม (14 ราย)
- มองเห็นผู้ป่วยในทุก ๆ ด้านทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ
|
จำนวนนักศึกษา 15 คน
1. ฝึกทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ (15 คน)
- ได้ฝึกการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย ฝึกซักประวัติ และตรวจร่างกาย ฝึกการเป็นผู้ฟังที่ดีเรียนรู้ที่จะรับฟังปัญหาของผู้ป่วย เข้าใจจิตใจของผู้ป่วย
- ได้ฝึกการตรวจผู้ป่วยเด็กซึ่งต้องอาศัยการซักประวัติจากผู้ปกครอง ความรู้ความสามารถของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการตรวจรักษาผู้ป่วย ควรพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง และควรจะรู้เรื่องอื่น ๆ ด้วย
2. ได้เรียนรู้บทบาทหน้าที่ของ PCU ได้เห็นการทำงานเป็นทีม ได้ฝึกทักษะการออก OPD จริง ๆ ได้เห็นการให้บริการของ PCU ซึ่งแตกต่างจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ แพทย์ที่ PCU จะมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากกว่า PCU ปรียบเสมือนด่านแรกในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน
- ได้ฟังปัญหาชีวิต ความเป็นอยู่และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในชุมชน ได้อภิปรายสรุปปัญหา และหาทางแก้ไข ได้เรียนรู้วิธีส่งต่อผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ |
ตารางที่ 2 (ต่อ) ที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ได้รับจากการฝึกปฏิบัติงานที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม
กลุ่ม 1 |
กลุ่ม 2 (3) |
กลุ่ม 3 (4) |
กลุ่ม 4 (5) |
กลุ่ม 5 (6) |
กลุ่ม 6 (7) |
กลุ่ม 7 (8) |
- ได้เห็นว่าโรคบางโรคสามารถรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์ทางเลือก ได้ความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนไทย สมุนไพร และการทำสมาธิ ได้รู้ว่าการรักษาไม่ใช่มีเพียงให้กินยาเท่านั้น (5 ราย)
- เรียนรู้ธรรมชาติของโรค การจัดการเบื้องต้น นอกจากจะรักษาอาการเฉพาะหน้าแล้ว ยังต้องให้คำแนะนำเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
|
ความดันโลหิตสูงคืออะไร (2 ราย)
- ได้เรียนรู้ว่าการที่ผู้ป่วยจะตัดสินใจไปพบแพทย์นั้นมีหลายปัจจัย ทั้งด้านการเงิน ความเชื่อ และเพื่อนบ้าน และได้เรียนรู้ว่าโรคบางโรคแค่สัมผัสผู้ป่วย พูดจาไพเราะ รับฟังปัญหาของผู้ป่วย ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยหาย หรือสบายใจมีกำลังใจที่จะควบคุมโรค และต่อสู้กับโรค
(1 ราย) |
|
2. ฝึกการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม (9 ราย)
- ต้องแก้ปัญหาด้านอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ด้านกาย ต้องดูถึงความกังวลในครอบครัว สังคม การเงิน อาชีพ สิ่งแวดล้อม ลักษณะการดำเนินชีวิตอาจมีผลต่อโรคที่ผู้ป่วยเป็น
- ได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ การทำงาน ส่งผลต่อสุขภาพของคนในชุมชน หรือไม่
- ได้รู้ว่าโรคที่พบบ่อยในชุมชนมีอะไรบ้าง ได้ฝึก approach ผู้ป่วยเบาหวาน
3. เรียนรู้ระบบให้บริการของ PCU (6 ราย)
- ศูนย์สุขภาพชุมชนช่วยลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้มาก
- ได้เห็นบทบาทของแพทย์ในชุมชนมากขึ้น
|
3. ได้ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ทั้งกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ (16 คน)
- เห็นประโยชน์ของการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม การออกไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านได้เข้าใจปัญหาของผู้ป่วยและรู้ถึงวิธีเข้าถึงผู้ป่วย
4. การใช้การแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ
- อาจใช้การแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดแผนไทย หรือเกี่ยวกับศาสนามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยด้วย รักษาทั้งทางกายและใจ
- ได้เข้าใจเหตุผลด้านต่าง ๆ ในตัวผู้ป่วยที่เป็นอุปสรรคต่อการรักษา สามารถหาแนวทางการรักษาร่วมกับผู้ป่วยได้ |
- ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยปัญหาอื่น ๆ มากกว่าสุขภาพกายก็มี ได้รู้ปัจจัยที่มีผลต่อการมารักษาของผู้ป่วย ได้ฝึกคิดวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยรอบด้าน ฝึกการบริหารเวลาและยา
4. การแพทย์ทางเลือก (4 ราย)
- การให้การรักษาผู้ป่วยไม่ใช่เฉพาะการให้ยาเท่านั้น ควรให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องด้วย
- ได้เรียนรู้การทำสมาธิและการแพทย์ทางเลือกเพื่อผ่อนคลาย และเพิ่มกำลังใจให้ผู้ป่วย |
และได้เห็นว่ามีปัญหาอะไรบ้างระหว่างส่งต่อ
3. ฝึกการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ทั้งกาย ใจ สังคมและจิตวิญญาณ (15 คน)
- ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมเห็นตัวอย่างการให้คำแนะนำรักษาผู้ป่วยแบบองค์รวม นอกจากจะรักษาโรคที่ผู้ป่วยกำลังเป็นแล้ว ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น หรือป้องกันโรคอื่น และช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีในทุก ๆ ด้าน
- ได้ทราบวิถีการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยและประยุกต์การให้คำแนะนำให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้ป่วย
4. การรักษาอื่น ๆ นอกจากการใช้ยา ก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยบรรเทาอาการได้ เช่น ปวดศีรษะ เนื่องจากความเครียด |
วิจารณ์
การฝึกทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์สำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 นี้เพิ่งมีการทดลองฝึกกับผู้ป่วยจำลองก่อนที่จะพานักศึกษาไปฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริง โดยมีการโน้มน้าวให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสาร ขั้นตอนของการสื่อสารและสร้างมนุษยสัมพันธ์1-9 การฝึกปฏิบัติโดยแสดงบทบาทของแพทย์ในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรค การให้การรักษา แนะนำผู้ป่วยแบบองค์รวม2-9 มีการให้เพื่อนนักศึกษาทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ ภายหลังแสดงบทบาทของแพทย์เสร็จ จะให้นักศึกษาวิพากษ์วิจารณ์ข้อผิดพลาดของตนเอง และแนวทางแก้ไข หลังจากนั้นเพื่อนผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ 2-3 คน ผู้ป่วย และอาจารย์ผู้ควบคุมดูแลจะช่วยวิจารณ์ และเสนอแนะแนวทางแก้ไขแบบสร้างสรรค์นับว่าเป็นสิ่งที่ดี นอกจากจะฝึกนักศึกษาให้รู้จักพูด คิด พิจารณาในการสื่อสารที่เหมาะสมแล้ว ยังฝึกให้นักศึกษารู้จักฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขตนเองก่อนที่จะไปฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริง และภายหลังการฝึกปฏิบัตินักศึกษาทุกกลุ่มได้เขียนสิ่งที่ได้รับจากการฝึกปฏิบัติที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้ สำหรับการฝึกที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม ข้อมูลขาดหายไป 1 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 2 แต่ข้อมูลที่ได้รับส่วนใหญ่ก็สามารถทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมด
สรุป
สิ่งที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 ได้รับจากการฝึกทักษะ การสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ที่ห้องฝึกทักษะการเรียนรู้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คือ ได้ฝึกทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วยจำลอง ฝึกการสร้างความคุ้นเคยกับผู้ป่วย การซักประวัติ ตรวจร่างกาย การวินิจฉัยเบื้องต้น การให้การดูแลรักษา ตลอดจนการให้คำแนะนำกับผู้ป่วยแบบองค์รวม สำหรับการฝึกปฏิบัติงานที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยมนั้น นักศึกษาได้นำความรู้และทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ที่ฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจำลองมาใช้กับผู้ป่วยจริงที่มารับบริการที่ศูนย์สุขภาพชุมชน โดยการควบคุมดูแลของคณาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
กิตติกรรมประกาศ
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการฝึกทักษะที่อำนวยความสะดวกในการเตรียมอุปกรณ์ ติดต่อผู้ป่วยจำลอง เจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพชุมชนสามเหลี่ยม และผู้ป่วยทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ ขอบคุณนักศึกษา และผู้ร่วมงานทุกท่านที่ช่วยให้ข้อมูล
เอกสารอ้างอิง
1. อมรรัตน์ รัตนสิริ การสื่อสารและเวชศาสตร์สังคมเบื้องต้น. ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2534.
2. ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ วิธีการทางคลินิกแบบยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง. ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2542.
3. Cassell EJ. Doctoring : the nature of primary care medicine, a copublication with the Milbank Memorial Fund, New York Oxford : Oxford University Press; 1997: 1-206.
4. Platt FW, Gordon G H. The efficient Interview, field guide to the difficult patient interview, 2nd ed., New York : A Wolters Kluwer Company, 2004 : 3-48.
5. McWhinney IR. Doctor patient communication, A Textbook of Family Medicine, 2nd ed. New York : Oxford University Press, 1997 : 104-28.
6. Salinsky J, Sackin P. What are you feeling, Doctor? London : Radcliffe Medical Press, 2000 : 1-174.
7. Stewart M, Brown JB, Weston WW, McWhinney IR, McWilliam CL. Freeman TR. Patient centered medicine, transforming the clinical method. 2nd ed.,London : Radcliffe Medical Press, 2003 : 1-360.
8. Tate P. The Doctors communication handbook, 4th ed. London : Radcliffe Medical Press, 2004 : 1-198.
9. McDaniel SH, Compbell TL, Seaburn DB, Family-oriented primary care A manual for medical providers. New York : Springer Verlag, 1990 : 1-387.
|