ผู้ป่วย และวิธีการ
ประชากร
ศึกษาในผู้ป่วยที่มีปัญหาการบาดเจ็บในข้อเข่า ที่มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ และได้รับการตรวจภายในข้อเข่า ตลอดจนการรักษาผ่านกล้องส่องข้อ โดยผู้ป่วยได้รับการอธิบาย และต้องลงลายมือชื่อให้ความยินยอมเข้าร่วมการศึกษาตั้งแต่ก่อนผ่าตัด คณะผู้วิจัยเก็บข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย รวมถึงข้อมูลการสัมภาษณ์ประวัติ ตรวจร่างกายผู้ป่วยทั้งการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด จากนั้นเปรียบเทียบผลการวินิจฉัยเหล่านี้กับผลตรวจที่ได้จากพยาธิสภาพของการบาดเจ็บที่พบจากกล้องส่องข้อ โดยแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกายผู้ป่วยไม่ใช่คนเดียวกับแพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยกล้องส่องข้อ
เกณฑ์การคัดเข้า
ผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 18 ปี ที่มีอาการของการบาดเจ็บในข้อเข่าทุกรายโดยอาการเป็นมานานตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป และยินยอมเข้าร่วมการศึกษา ผู้ป่วยได้ได้รับการตรวจ และการรักษาผ่านกล้องส่องข้อในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
เกณฑ์การคัดออก
1.ผู้ป่วยที่มีการปวดข้อเข่ามากจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน
2.ภาพถ่ายรังสีวินิจฉัยการบาดเจ็บของกระดูกข้อเข่าร่วมด้วย เช่นพบกระดูกข้อเข่าหักร่วมด้วย
3. เคยได้รับการผ่าตัดข้อเข่าข้างนั้นมาก่อน
4. มีความผิดปกติทางระบบประสาท
5. ได้รับบาดเจ็บของบริเวณอื่นใดของขาข้างนั้นร่วมด้วย
6. ผู้ป่วยไม่ยินยอมเข้าร่วมในการศึกษา
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่า(รูปที่1)
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่า กระทำโดยให้ผู้ป่วยนอนหงายลงบนเตียง งอเข่า และงอสะโพก ผู้ตรวจใช้มือข้างหนึ่งจับผู้ป่วยบริเวณข้อเข่า โดยให้นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มืออยู่บริเวณแนวของข้อ อีกมือหนึ่งจับบริเวณข้อเท้าของผู้ป่วย ทำการอัดข้อเข่าโดยใช้มือที่จับข้อเท้าผู้ป่วยออกแรงดันให้หมอนรองกระดูกข้อเข่าที่วางอยู่บนผิวข้อของกระดูกหน้าแข้งกดเข้าหาผิวข้อของกระดูกต้นขา จากนั้นมือข้างเดียวกันหมุนข้อเข่าเข้าด้านในจนสุด และหมุนออกด้านนอกจนสุด ในขณะที่ข้อเข่างอ 120 องศา, 90 องศา, 60 องศา, 30 องศา และข้อเข่าเหยียดตรงตามลำดับ ผลบวกหมายถึงผู้ป่วยมีอาการเจ็บบริเวณแนวข้อ หรือผู้ตรวจรู้สึกถึงเสียงอันเกิดจากการบดของหมอนรองกระดูกข้อเข่า หากให้ผลบวกบริเวณแนวข้อด้านใน แสดงถึงการฉีกขาดของหมอนรองเข่าด้านใน เช่นเดียวกันหากให้ผลบวกบริเวณแนวข้อด้านนอก แสดงถึงการฉีกขาดของหมอนรองเข่าด้านนอก

รูปที่ 1 การวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด โดยวิธีการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าในขณะงอเข่า 120 องศา
สถานที่ทำการศึกษา
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ระยะเวลาในการวิจัย
10 เดือน (จาก1 สิงหาคม 2548 จนถึง 31 พฤษภาคม 2549)
ข้อพิจารณาทางด้านจริยธรรม
โครงการวิจัยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่โครงการ HE480925
การวิเคราะห์ทางสถิติ
ในการวิจัยนี้ใช้ข้อมูลการตรวจวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดด้วยการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าตั้งแต่แรกรับผู้ป่วย และนำผลการตรวจเปรียบเทียบกับผลการวินิจฉัยแน่ชัดจากกล้องส่องข้อ และนำผลที่ได้คำนวณหาความไว, ความจำเพาะ และความแม่นยำ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ความไว เป็นคุณลักษณะของการตรวจวินิจฉัยที่จะบอกถึงสัดส่วนของผลบวกของการตรวจในผู้ป่วยที่มีหมอนรองกระดูกฉีกขาด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าผู้ป่วยมีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าจริงโอกาสที่ผลการตรวจจะให้ผลบวกเป็นร้อยละเท่าใด
ความจำเพาะ เป็นคุณลักษณะของการตรวจวินิจฉัยที่จะบอกถึงสัดส่วนของผลลบของการตรวจในคนปกติหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าผู้ป่วยไม่มีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูก หรือคนปกติ มีโอกาสที่ผลการตรวจจะให้ผลลบเป็นร้อยละเท่าใด
ความแม่นยำ หมายถึงความแม่นยำของการตรวจที่จะบอกจำนวนหมอนรองกระดูกฉีกขาดได้อย่างแน่นอนเมื่อผลตรวจเป็นบวก และเมื่อได้ผลลบหมายถึงหมอนรองกระดูกไม่มีการฉีกขาดอย่างแน่นอนนั้นเป็นสัดส่วนเท่าใดของประชากรที่นำมาตรวจ
ผลการศึกษา
ผู้ป่วยทั้งหมด 58 คน อายุเฉลี่ย 26.19 + 5.66 ปี เป็นเพศชาย 52 คน เพศหญิง 6 คน ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเข่าข้างขวา 25 คน ข้างซ้าย 33 คน ผลการตรวจจากกล้องส่องข้อพบว่ามีเอ็นไขว้หน้าขาดอย่างเดียว 9 คน เอ็นไขว้หน้าขาดร่วมกับหมอนรองกระดูกด้านใน 23 คน เอ็นไขว้หน้าขาดร่วมกับหมอนรองกระดูกด้านนอกขาด 2 คน หมอนรองกระดูกด้านในขาดอย่างเดียว 5 คน หมอนรองกระดูกด้านนอกขาดอย่างเดียว 6 คน เอ็นไขว้หน้าขาดร่วมกับหมอนรองกระดูกทั้งด้านใน และนอก 9 คน ไม่มีการบาดเจ็บของเอ็นและหมอนรองกระดูก (การบาดเจ็บอื่น) 4 คน ดังตารางที่ 1 สำหรับรายละเอียดผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า รวมทั้งผลตรวจกล้องส่องข้อของผู้ป่วยแต่ละรายแสดงในตารางที่ 2
ผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดจากกล้องส่องข้อแสดงในตารางที่ 3, ผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านในฉีกขาดจากกล้องส่องข้อแสดงในตารางที่ 4 ส่วนผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านนอกฉีกขาดจากกล้องส่องข้อแสดงในตารางที่ 5 สำหรับผลการคำนวณความไว, ความจำเพาะ,ความแม่นยำ,ค่าพยากรณ์บวก(positive predictive value), ค่าพยากรณ์ลบ(negative predictive value), ผลบวกเท็จ(false positive) และผลลบเท็จ(false negative) ของวิธีตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเทียบกับผลตรวจจากกล้องส่องข้อแสดงในตารางที่ 6
วิจารณ์
การวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของข้อเข่า การสัมภาษณ์ประวัติ และตรวจร่างกายมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากสามารถให้การวินิจฉัยการบาดเจ็บ เช่นการฉีกขาดของเส้นเอ็นในข้อเข่า เส้นเอ็นรอบข้อเข่า ถุงหุ้มข้อ ตลอดจนการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่า ซึ่งมีความสำคัญต่อการวางแผนการรักษา ตลอดจนการพยากรณ์โรคอย่างยิ่ง การตรวจวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่ายังคงมีปัญหาอยู่มากนับจาก McMurray11 ซึ่งได้อธิบายการตรวจทางคลินิกเพื่อวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกตั้งในปี 1940 ตั้งแต่นั้นมาการตรวจวิธีนี้เป็นการตรวจวินิจฉัยขั้นปฐมภูมิ เพื่อการวางแผนการรักษาผ่าตัด มีการใช้แพร่หลายและพบว่าตรวจได้ร้อยละ 58 ในผู้ป่วยที่มีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่า ส่วน Corea12 ศึกษาความถูกต้องของ Mc Murray test พบว่ามีความไวร้อยละ 58.5 ความจำเพาะร้อยละ 93.4 การศึกษาของ Strartford และคณะ13 ศึกษาการตรวจแมคเมอร์เรย์พบว่ามีความไวร้อยละ 28 ความจำเพาะร้อยละ 94 ส่วนการศึกษาของ Evans และคณะ14 ศึกษาการตรวจแมคเมอร์เรย์ในการวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกด้านในให้ผลคือ ความไวร้อยละ 16 ความจำเพาะร้อยละ 98 ค่าพยากรณ์บวกร้อยละ 83 และพบว่าประสบการณ์ของผู้ตรวจมีผลต่อความแม่นยำในการตรวจหาการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกด้านในน้อยมาก ร่วมกับสรุปว่าการตรวจแมคเมอร์เรย์เพียงวิธีเดียวไม่สามารถวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าได้อย่างดีที่สุด แนวคิดการศึกษาของ Kurosaka และคณะ15 ที่ทำการตรวจด้วยแรงอัดตามแนวแกนข้อเข่า (axial force to knee) เทียบกับการตรวจแมคเมอร์เรย์ พบว่ามีค่าความไวร้อยละ 71 และ ความแม่นยำร้อยละ 73 ดีกว่าการตรวจแมคเมอร์เรย์ ซึ่งมีความไวร้อยละ 37 และความแม่นยำร้อยละ 51 จึงแนะนำว่าการตรวจด้วยแรงอัดตามแนวแกนข้อเข่ามีความสำคัญในการทำให้เกิดอาการปวดจากหมอนรองเข่าทำให้การวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดได้ดียิ่งขึ้น ทำนองเดียวกับ Karacharios และคณะ16 ทำการตรวจในท่ายืนแล้วหมุนตัวทิ้งน้ำหนักลงบนขาข้างเดียวโดยทำทั้งในผู้ป่วยและคนปกติเปรียบเทียบกัน ไม่พบว่าเป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่ข้อเสียคือไม่สามารถทำในผู้ป่วยที่ยืนไม่ได้ และไม่ได้ใช้กล้องส่องข้อเป็นการวินิจฉัยมาตรฐาน
คณะผู้วิจัยจึงคิดว่าการตรวจด้วยการใช้แรงอัด พร้อมกับหมุนข้อเข่า สามารถให้การวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าได้แม่นยำขึ้น ซึ่งผลการศึกษาพบว่าการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดมีความแม่นยำร้อยละ 87.93 มีค่าความไว และความจำเพาะร้อยละ 84.44 และ 100 ตามลำดับ จึงแนะนำว่าการตรวจด้วยวิธีอัด-หมุนข้อเข่าเป็นวิธีช่วยวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าที่ดีวิธีหนึ่งโดยหากให้ผลบวก หรือลบ จะมีความแม่นยำในการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกฉีกขาด หรือไม่ฉีกขาดในระดับสูง ขณะเดียวกันผลบวกเท็จร้อยละ 0 และผลลบเท็จร้อยละ 15.56 หมายความว่าในผู้ป่วยที่ไม่มีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกโอกาสจะตรวจอัด-หมุนข้อให้ผลเป็นบวกน้อย และในผู้ป่วยที่มีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกโอกาสจะตรวจอัด-หมุนข้อให้ผลเป็นลบน้อยเช่นกัน สำหรับค่าพยากรณ์บวกร้อยละ 100 หมายความว่าหากผลตรวจอัด-หมุนข้อเข่าได้ผลบวกผู้ป่วยมีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าแน่นอน ค่าพยากรณ์ลบร้อยละ 65.00 หมายถึงหากผลตรวจอัด-หมุนข้อเข่าได้ผลลบผู้ป่วยที่ข้อเข่าบาดเจ็บมีโอกาสที่จะไม่มีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าถึงร้อยละ 65 นั่นคือการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกเข่าได้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดได้อย่างมั่นใจ ส่งผลให้แพทย์สามารถแนะนำ และวางแผนการรักษาได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามผลของค่าความแม่นยำในการวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านใน หรือด้านนอก ซึ่งมีความแม่นยำร้อยละ 74.14 และ 65.51 ตามลำดับนั้นสามารถสรุปได้ว่าหากผลตรวจอัด-หมุนข้อเข่าให้ผลบวกหมายความว่ามีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าค่อนข้างแน่ แต่ไม่ได้ชี้เฉพาะว่าเป็นการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านใน หรือด้านนอกอย่างแน่ชัด ดังนั้นการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งที่ช่วยการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดได้ และสามารถวางแผนการรักษาผู้ป่วยโดยการผ่าตัด หรือผ่าตัดผ่านกล้องส่องข้อได้ ซึ่งศัลยแพทย์จะได้เตรียมอุปกรณ์ หรือเครื่องมือในการผ่าตัดหมอนรองกระดูกข้อเข่าไว้ล่วงหน้าได้ก่อน ทั้งยังสามารถบอกการพยากรณ์โรคแก่ผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย
ผู้ป่วย |
จำนวน |
เพศ 1. ชาย
2. หญิง |
52
6 |
อายุ(ปี) |
26.19 + 5.66 |
เข่า 1. ขวา
2. ซ้าย |
25
33 |
การบาดเจ็บ
1. เอ็นไขว้หน้า
2. หมอนรองกระดูกด้านใน
3. หมอนรองกระดูกด้านนอก
4.เอ็นไขว้หน้า และหมอนรองกระดูกด้านใน
5.เอ็นไขว้หน้า และหมอนรองกระดูกด้านนอก
6.เอ็นไขว้หน้า และหมอนรองกระดูกทั้งสองด้าน
7.อื่นๆ |
9
5
6
23
2
9
4 |
ตารางที่ 2 แสดงรายละเอียดการบาดเจ็บ และการตรวจของผู้ป่วยทั้ง 58 ราย
อายุ(ปี) |
เพศ |
ข้างที่บาดเจ็บ |
สาเหตุการบาดเจ็บ |
ผลการตรวจพบโดยกล้องส่องข้อ |
ผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า |
เอ็นไขว้หน้า |
หมอนรองด้านใน |
หมอนรองด้านนอก |
18 |
หญิง |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
20 |
ชาย |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
33 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
24 |
หญิง |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
35 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
26 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
28 |
ชาย |
ซ้าย |
อุบัติเหตุ |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
22 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
30 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
38 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
27 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
19 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
22 |
ชาย |
ซ้าย |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
27 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
28 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
22 |
หญิง |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
19 |
ชาย |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
18 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
39 |
หญิง |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
21 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
20 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
26 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
25 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
34 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
27 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
36 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
22 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
23 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
28 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
25 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
35 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
32 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
30 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
24 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
26 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
25 |
หญิง |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
18 |
ชาย |
ขวา |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
20 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
22 |
หญิง |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
19 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
39 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
25 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
24 |
ชาย |
ซ้าย |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
28 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ขาด |
บวก |
30 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
29 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
19 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
19 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
22 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
28 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
33 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
31 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ขาด |
บวก |
21 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
23 |
ชาย |
ขวา |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
32 |
ชาย |
ซ้าย |
อุบัติเหตุ |
ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
25 |
ชาย |
ซ้าย |
อุบัติเหตุ |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
28 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
บวก |
30 |
ชาย |
ซ้าย |
กีฬา |
ไม่ขาด |
ขาด |
ไม่ขาด |
ลบ |
รวม(คน) |
58 |
58 |
58 |
58 |
58 |
58 |
58 |
ตารางที่ 3 แสดงผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดจากกล้องส่องข้อ
หมอนรองกระดูก |
หมอนรองกระดูก |
รวม |
ฉีกขาด |
ปกติ |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่า ผลบวก |
38 |
0 |
38 |
ผลลบ |
7 |
13 |
20 |
รวม |
45 |
13 |
58 |
ตารางที่ 4 แสดงผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านในฉีกขาดจากกล้องส่องข้อ
หมอนรองกระดูกด้านใน |
หมอนรองกระดูก |
รวม |
ฉีกขาด |
ปกติ |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่า ผลบวก |
30 |
8 |
38 |
ผลลบ |
7 |
13 |
20 |
รวม |
37 |
21 |
58 |
ตารางที่ 5 แสดงผลการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า และการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านนอกฉีกขาดจากกล้องส่องข้อ
หมอนรองกระดูกด้านนอก |
หมอนรองกระดูก |
รวม |
ฉีกขาด |
ปกติ |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่า ผลบวก |
18 |
20 |
38 |
ผลลบ |
0 |
20 |
20 |
รวม |
18 |
40 |
58 |
ตารางที่ 6 แสดงความไว, ความจำเพาะ และความแม่นยำของการวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาดด้วยการตรวจอัด-หมุนข้อเข่า
ค่า การตรวจ
(ร้อยละ) |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านในฉีกขาด |
การตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อวินิจฉัยหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านนอกฉีกขาด |
ความไว |
84.44 |
81.08 |
100 |
ความจำเพาะ |
100 |
61.90 |
50.00 |
ความแม่นยำ |
87.93 |
74.14 |
100 |
ค่าพยากรณ์บวก |
100 |
78.95 |
47.37 |
ค่าพยากรณ์ลบ |
65.00 |
65.00 |
65.51 |
ผลบวกเท็จ |
0 |
38.10 |
50.00 |
ผลลบเท็จ |
15.56 |
18.92 |
0 |
สรุป
กล่าวโดยสรุปคือจากการศึกษาพบว่าการตรวจอัด-หมุนข้อเข่าเพื่อวินิจฉัยการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่า มีค่าความไว ความจำเพาะ และความแม่นยำร้อยละ 84.44, 100 และ 87.93 ตามลำดับ นั่นคือในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของข้อเข่า หากตรวจข้อเข่าผู้ป่วยด้วยวิธีอัด-หมุนข้อเข่าได้ผลตรวจเป็นบวก วินิจฉัยได้ว่าผู้ป่วยมีการฉีกขาดของหมอนรองกระดูกข้อเข่าค่อนข้างแน่นอน ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษา หรือการผ่าตัดได้แน่นอนยิ่งขึ้น
กิตติกรรมประกาศ
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์เสริมศักดิ์ สุมานนท์ หน่วยอนุสาขากีฬาเวชศาสตร์ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลผลการตรวจข้อเข่าผู้ป่วยโดยกล้องส่องข้อ
เอกสารอ้างอิง
1. Howell GED. Clinical presentation of the knee. In:Bulstrode CJK, Buckwalter J, Carr A, Marsh L, Fairbank J, Wilson-Macdonald J, Bouden G, editors. Oxford textbook of orthopaedics and trauma. Volume 2. New York: Oxford University Press;2002:1108-13.
2. Daniel D, Daniels G, AronsonD. The diagnosis of meniscus pathology. Clin Orthop. 1982;163:218-24.
3. Bollen S. How I examine the knee. Curr Orthop. 2000;14:189-92.
4. DeHaven KE, Collins HR. Diagnosis of internal derangements of the knee. The role of arthroscopy. J Bone Joint Surg Am. 1975;57:802-10.
5. Miller GK. A prospective study comparing the accuracy of the clinical diagnosis of meniscus tear with magnetic resonance imaging and its effect on clinical outcome. Arthroscopy 1996;12:406-13.
6. Oshea KJ, Murphy KP, Heekin RD, HerzwurmPJ. The diagnostic accuracy of history, physical examination and radiographs in the evaluation of traumatic knee disorders. Am J Sports Med 1996;24:164-7.
7. Ireland J, Trickey EL, Stoker DJ. Arthroscopy and arthrography of the knee : a critical review. J Bone Joint Surg Br. 1980;62:3-6.
8. Gillies H, Seligson D. Precision in the diagnosis of meniscal lesions: a comparison of clinicalevaluation, arthrography, and arthroscopy. J Bone Joint Surg Am. 1979;61:343-6.
9. Miller III RH. Knee injuries, In: Canale ST, editor. Campbells Operative Orthopaedics 10th ed. Philadelphia : Mosby; 2003:2165-338.
10. Ma CB, Giffin JR, Harner CD. Physical examination of knee, In:Callaghan JJ, Rosenberg AG, Rubasu HE, Simonian PT, Wickiewicz TL, editors. The adult knee. Volume1. Philadelphia: Lippicott Williams and Wilkins; 2003:315-34.
11. McMurray TP. The semilunar cartilage. Br J Surg 1942;29: 407-14.
12. Corea JR, Moussa M, al Othman A. McMurrays test tested. Knee Surg Sports Traumatol Arthrosc 1994;2:70-2.
13. Stratford PW, Binkley J. A review of the Mcmurray test: definition interpretation, and clinical usefulness. J Ortho Sports Phys Ther. 1995;22: 116-20.
14. Evans PJ, Bell GD, Frank CY. Prospective evaluation of the McMurray test. Am J Sports Med 1993;21:604-8.
15. Kurosaka M, Yaki M, Yoshiya S, Muratsu H, Mizuno K. Efficacy of the axially loaded pivot shit test for the diagnosis of a meniscal tear. Int orthop 1999;23:271-4.
16. Karacharios T, Hantes M, Zibis AH, Zachos V, Karantanas AH, Malizos KN. Diagnostic accuracyof a new test (the Thessaly test) for early detection of meniscal tears.J Bone Joint Surg Am. 2005;87:955-62.